สตง.-ป.ป.ช.เตรียมสอบสัญญาทรู-กสท
สตง.เตรียมขอความร่วมมือจาก ป.ป.ช.และกฤษฎีกา ร่วมตรวจสอบการเซ็นสัญญาอย่างรวบรัดระหว่าง กสท กับทรู มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท หลังพบว่าอาจมีความผิดปกติที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ
การลงนามตามสัญญาโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี อย่างเร่งรัดระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เตรียมทำหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ร่วมตรวจสอบเชิงลึก เพราะส่อเค้าว่าอาจเกิดความไม่โปร่งใส และทำให้รัฐเกิดความเสียหาย เนื่องจากเป็นการทำสัญญาผูกขาดกับเอกชนนานถึง 14 ปี โดยไม่มีการเปิดประมูล
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่าการ สตง. ยังตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนี้อาจมีความผิดปกติ เพราะ กสท ได้ตั้งแต่งคณะทำงานจำนวน 18 คน เพื่อพิจารณาข้อเสนอและเงื่อนไขการทำธุรกิจกับทรู ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. และมีการประชุมเพียง 4 ครั้ง ซึ่งคณะทำงานมีความเห็นแย้งและทักท้วงไปเมื่อวันที่ 26 ม.ค. แต่ผู้บริหาร กสท ไม่นำไปพิจารณา และเร่งเซ็นสัญญาอย่างรวบรัดในวันที่ 27 ม.ค. และเป็นเหตุให้วันเดียวกันนั้น คณะกรรมการจำนวน 14 คนลาออก ซึ่งเรื่องขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เพื่อหาข้อเท็จจริง
ขณะที่วันนี้ (3 ก.พ.) นายจุติได้ตอบกระทู้สดในที่ประชุมสภา โดยยืนยันว่า การเข้าซื้อฮัทช์ของกลุ่มทรูมูฟ ในมูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท มีประโยชน์มาก ให้รัฐลงทุนเอง