ภาพยนตร์ไทยเรื่องสุดท้ายของ "อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล"

Logo Thai PBS
ภาพยนตร์ไทยเรื่องสุดท้ายของ "อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล"

ความสำเร็จจากเทศกาลหนังเมืองคานส์เมื่อปี 2553 ทำให้ชื่อของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล กลายเป็นผู้กำกับอีกคนที่น่าจับตามองมากที่สุด แต่หลังจากหายไปนานถึง 5 ปี ล่าสุดชื่อขออภิชาติพงศ์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับหนังเรื่องใหม่ที่ถูกเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ (2558) พร้อมกับการประกาศว่าจะเป็นหนังไทยเรื่องสุดท้ายของเขาอีกด้วย

การมิกซ์เสียงภาพยนตร์เรื่อง 'รักที่ขอนแก่น' ผลงานล่าสุดของ เจ้ย - อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับรางวัลปาล์มทองคำ เป็นการทำงานขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะส่งหนังไปที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 68 หลังจากถูกคัดเลือกให้ฉายในสาย Un Certain Regard หรือภาพยนตร์ที่น่าจับตามอง เล่าเรื่องราวของหญิงวัยกลางคนที่ต้องดูแลทหารหนุ่ม ซึ่งจมดิ่งไปกับอาการหลอนได้แรงบันดาลใจมาจากสภาพสังคมในวัยเด็ก ที่เคยอาศัยอยู่ใกล้กับโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของพ่อและแม่ในจังหวัดขอนแก่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรถึง 11 ประเทศ งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท และใช้เวลาเตรียมงานนานถึง 5 ปี เพื่อให้ออกมาดีที่สุด เนื่องจากจะเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องสุดท้ายของอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวว่า "เรื่องนี้มันละเอียดขึ้นเยอะ เหมือนกับที่บอกว่ามันอาจจะเป็นเรื่องสุดท้าย เราใช้เวลาในการหาข้อมูลเยอะ หนังมันค่อนข้างมีเรื่อง มันจะมีความก้ำกึ่งระหว่างความตลกกับเศร้าเจออยู่ โดยส่วนตัวคิดว่าดูง่ายกว่าเรื่องอื่น ขณะเดียวกันก็ทดลองมากขึ้น"

การเลือกบุคคลที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์การทำงานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหนัง เป็นอีกแนวทางการทำงานของอภิชาติพงศ์ที่อยากให้เกิดความท้าทายและสร้างการเรียนรู้ไปพร้อมกับทีมงาน ซึ่งชื่อของอภิชาติพงศ์เป็นหนึ่งในผู้กำกับไม่กี่คนที่นักวิจารณ์มองว่าน่าจับตาที่สุด ทั้งยังได้รับการยอมรับจากต่างประเทศด้วยการทำภาพยนตร์ที่มีความเฉพาะตัว แต่แฝงไว้ด้วยแนวคิดและความเชื่อแบบไทย ซึ่งต่างชาติให้ความสนใจไม่น้อย ทั้งแสงศตวรรษ สัตว์ประหลาด และลุงบุญมีระลึกชาติ

ก้าวต่อไปหลังจากวางแผนเกษียณตัวเองจากวงการหนังไทย คือการเดินทางไปสร้างภาพยนตร์ที่อเมริกาใต้ ซึ่งอภิชาติพงษ์ให้ความสนใจพื้นที่ลุ่มแม่น้ำอเมซอนเป็นพิเศษ เนื่องจากมองว่าเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณและการรักษาโรค ตลอด 10 ปีในวงการแผ่นฟิล์มของผู้กำกับวัย 45 ปีคนนี้ แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ทำให้สุขใจทุกครั้ง เพราะการได้ถ่ายทอดความคิดและความเป็นตัวเองผ่านภาพยนตร์คือสิ่งที่ฝันไว้เสมอ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง