ผลกระทบบันเทิงจากปัญหาดินแดน

มิลลา โจโววิช ดาราสาวจาก Resident Evil : Retribution ร่วมรอบปฐมทัศน์ตำนานผีชีวะภาคใหม่ ณ ต้นกำเนิดหนังจากเกมดังในญี่ปุ่น ร่วมกับ มิกะ นาคาชิมะ นักร้องสาวญี่ปุ่นที่ร่วมแสดงในเรื่อง แต่กลับไร้เงา หลี่ปิงปิง นักแสดงสาวชาวจีนที่รับบทเป็น เอด้า หวอง ตัวละครสำคัญ โดยตัวแทนดาราสาวเผยว่าแม้เธอจะติดคิวงานอื่น แต่ไม่ปฏิเสธว่าการไม่มาร่วมงานครั้งนี้เพื่อแสดงท่าทีไม่พอใจต่อทางการญี่ปุ่นที่วางแผนยึดครองเกาะเตียวอี๋ว์ หรือเซนกากุในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นดินแดนพิพาทของ 2 ชาติ ดาราสาวบอกว่ายินดีร่วมเดินสายโปรโมทหนังในทุกประเทศ ยกเว้นญี่ปุ่นเพื่อแสดงจุดยืนร่วมกับรัฐบาล และชาวจีนต่อปัญหานี้ 

 

ตลอดเดือนที่ผ่านมาชาวจีนแสดงความไม่พอใจญี่ปุ่นด้วยการเดินขบวนประท้วงตามท้องถนน จนถึงทำลายร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งมีคนจีนเป็นเจ้าของ และยังส่งผลต่องานวัฒนธรรมที่ 2 ชาติร่วมกันจัด เช่น งานฉลอง 40 ปีความสัมพันธ์จีน - ญี่ปุ่น ที่เมืองเทียนจิน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีการแสดงราคุโกะ หรือศิลปะการเล่าเรื่องตลกของญี่ปุ่น โดย ฮายาชิยะ ซานเป่ ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่กำหนด เช่นเดียวกับภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง The Love Leading to Tomorrow ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้ง 2 ชาติในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพาที่จะออกฉายในจีนเดือนนี้ก็ต้องเลื่อนไปเพราะปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้ 

 

ปีนี้ญี่ปุ่นพยายามใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อเชื่อมสัมพันธ์กับทั้งจีน และเกาหลีใต้ เช่น Takumi : The Man Beyond Borders ภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวของชาวญี่ปุ่นผู้หลงใหลศิลปะเครื่องลายครามของเกาหลีใต้ ช่วงที่แดนโสมถูกรุกรานจากจักรวรรดิญี่ปุ่น แต่ความหวังที่จะสมานแผลจากสมัยสงครามโลกต้องล้มเหลวจากกรณีพิพาทบนเกาะเลียนคอร์ท ร็อก ที่ทั้ง 2 ชาติต่างกลับมาทวงสิทธิเหนือดินแดนอีกครั้ง 

 

ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ ซึ่งสร้างรายได้ถึง 3,800 ล้านดอลลาร์ โดยรายได้ที่มาจากประเทศญี่ปุ่นมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านวอน ซึ่งมากกว่ารายได้ในเกาหลีใต้ถึง 15 เท่า ล่าสุด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นได้ประณามซองอิลกุ๊กนักแสดงเกาหลีใต้ที่ว่ายน้ำไปเกาะเลียนคอร์ท ร็อก ว่าเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ในญี่ปุ่นนับจากนี้ ขณะที่คูฮเยซ็อน ดาราสาวเกาหลีใต้ก็ถูกห้ามเดินทางมาโปรโมทงานในญี่ปุ่น และมีการเลื่อนกำหนดฉายละครไต้หวันของเธอในญี่ปุ่นอย่างไม่มีกำหนด โดยแบบสอบถามล่าสุดพบว่าชาวญี่ปุ่นร้อยละ 10 เลิกนิยมในกระแสเคป็อปหลังกรณีปัญหาดินแดนที่ทั้ง 2 ชาติเผชิญอยู่ในเวลานี้