ผู้ว่าฯกนอ.ลงพื้นที่ติดตามกรณีคัดค้านจัดตั้งนิคมฯเหล็กบางสะพาน
คณะกรรมการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชจำนวน 39 ชุด ประชุมสรุปผลการลงพื้นที่ตรวจสอบการครอบครองที่ดินในเขตห้ามเขตห้ามสัตว์ป่าบ่อล้อ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ในเขตเชื่อมต่อของจังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา และจังหวัดพัทลุง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าจากพื้นที่ทั้งหมด 550 แปลงที่ได้ตรวจสอบมีพื้นที่ 479 แปลง มีการครอบครองเอกสารไม่ตรงกับต้นฉบับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอกสาร สค.1 ไม่ตรงกับพื้นที่ หรือที่รู้จักกันในนาม สค. 1 บิน รวมกว่า 10,000 ไร่ ซึ่งกลุ่มผู้บุกรุกมีทั้งชาวบ้าน นายทุน นักการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ จากนี้คณะกรรมการจะส่งเอกสารทั้งหมดไปยังกรมอุทยานฯ เพื่อแจ้งความเอาผิดผู้บุกรุก
การแก้ปัญหาบุกรุกป่าภาคใต้ ทางกรมอุทยานฯได้รับงบประมาณ 50 ล้านบาท มีเป้าหมายแก้ปัญหาภัยพิบัติในระยะยาว โดยตั้งเป้าการตรวจสอบพื้นที่อุทยาน และป่าต้นน้ำที่ถูกบุกรุกครอบครองโดยมิชอบให้เสร็จภายในวันที่ 25 กันยายนนี้
เช่นเดียวกับที่จังหวัดพิษณุโลก ชาวตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย รื้อถอนต้นยางพารา ปาล์มน้ำมัน และปลูกป่าทดแทนตามยุทธการทวงคืนพื้นที่ป่า ภายในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงตามนโยบายสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก ยึดพื้นที่ป่า 300 ไร่ ที่ถูกนายทุนบุกรุก 13 คดี มีผู้ต้องหา 44 คน
ส่วนที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ลงพื้นที่สำรวจกรณีเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบางสะพานคัดค้านการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเหล็กบางสะพานที่บริษัทขนาดใหญ่ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ.ลงนามเอ็มโอยูร่วมจัดตั้งเนื้อที่ประมาณ 6,400 ไร่ในอำเภอบางสะพาน เนื่องจากพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นป่าพรุชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ และยังเป็นจุดรับน้ำจากเทือกเขาตะนาวศรี หากมีการก่อสร้างเกรงจะขวางทางน้ำจนทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่
โดยผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยระบุว่าจะนำข้อมูลเสนอต่อบอร์ดการนิคมอุตสาหกรรมพิจารณากันพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกว่า 1,000 ไร่ออก แต่กรณีจะให้ยกเลิกทั้งหมดเป็นเรื่องของคณะกรรมการการฯต้องพิจารณา