น้ำยังท่วมสูงกว่า 1 เมตรที่บางระกำ จ.พิษณุโลก-อ.สามง่าม จ.พิจิตร
ฝนที่ยังคงตกหนักในพื้นที่ภาคตะวันออกทำให้เกิดน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมจังหวัดระยอง และ จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายทรัพย์สินไปอยู่ในที่ปลอดภัย แต่ยังไม่มีรายงานว่า มีอันตรายเกิดขึ้นกับชาวบ้าน
โดยน้ำป่าจากเขาชะเมา และ น้ำตกคลองปลาก้างไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่บ้านหนองน้ำเย็น หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 4 และ 11 ของตำบลทุ่งควายกิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ( 29 ก.ย.) เนื่องจากฝนที่ตกหนักในช่วง 3 วันที่ผ่านมาส่งผลให้มีปริมาณน้ำสะสมบนยอดเขาจำนวนมาก และไหลเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 60 หลัง นอกจากนี้กระแสน้ำยังกัดเซาะคอสะพาน บนถนนสายหนองน้ำเย็น - เขาชะเมา จนขาด ไม่สามารถใช้สัญจรไปมาได้
เช่นเดียวกับบ้านเรือนประชาชนกว่า 50 หลังในตำบลบางระมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ที่ถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วมอย่ารวดเร็วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยระดับน้ำสูง 1 -2 เมตรทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำเรือเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายทรัพย์สินไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะที่กระแสน้ำยังคงไหลเข้าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุเกิดจากฝนที่ตกหนักและน้ำที่ระบายจากอ่างเก็บน้ำหนองกลางดงซึ่งอยู่ด้านบนของของหมู่บ้าน ประกอบกับน้ำทะเลหนุน จึงทำให้น้ำเกิดท่วมอย่างรวดเร็ว
ส่วนสภาพคันกั้นน้ำบริเวณแม่น้ำปราจีนบุรีที่พังเสียหายเป็นทางยาวประมาณ 30 เมตร จากกระแสน้ำที่ไหลแรงจนน้ำล้นเข้าท่วมถนนสายปราจีนบุรี - ศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ ทางจังหวัดได้ประสานเจ้าหน้าที่จากชลประทาน และ ขอกำลังทหารค่ายจักรพงษ์ เร่งซ่อมแซมคาดว่า อาจใช้เวลาประมาณ 3 วัน ขณะที่จังหวัดประกาศเตือนประชาชนเฝ้าระวังน้ำท่วมระลอก 2 เนื่องจากคาดว่ามวลน้ำจากจังหวัดสระแก้วจะไหลมาถึงพื้นที่ภายใน 2-3 วันนี้
ขณะที่สถานการณ์น้ำในตำบลชุมแสงสงครามอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และ ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตอยู่กับระดับน้ำที่ยังคงท่วมสูงกว่า 1 เมตรยกเว้นจังหวัดนครสวรรค์ล่าสุดระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่บ้านหมู่ 2 ตำบลบึงเสนาท อำเภอเมือง ระดับน้ำในแม่น้ำน่านกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเริ่มกลับเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านได้แล้ว
ส่วนที่จังหวัดพังงาเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเร่งประกอบสะพานแบรี่ง บริเวณบ้านบางเหมียง หมู่ที่ 8 ตำบลนบปริง อำเภอเมืองพังงา แทนสะพานเดิมที่ถูกน้ำป่าไหลหลากกัดเซาะฐานรากจนทรุดตัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านกว่า 50 ครอบครัว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 วัน