นักวิเคราะห์ชี้ดีเบตเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ 
เป็นครั้งแรกที่ โอบาม่า และ รอมนี่ย์ ขึ้นมาปรากฏตัวบนเวทีในเวลาเดียวกัน ในศึกประชันวิสัยทัศน์ที่จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยเดนเวอร์ ในรัฐโคโลราโด้ เป็นการโต้วาทีรอบแรกจากทั้งหมด 3 รอบ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และ รีพับลิกันได้แสดงนโยบาย เพื่อให้ชาวอเมริกันที่ยังไม่ตัดสินใจว่า จะเลือกใครมีโอกาสได้พิจารณาจากนโยบายของทั้งคู่
การโต้วาทีในรอบนี้เน้นเรื่องเศรษฐกิจ ,นโยบายภาษีและระบบประกันสุขภาพ นายรอมนี่ย์ จากพรรครีพับลิกันโจมตีนโยบายด้านเศรษฐกิจของโอบาม่าว่า เขายังคงยึดนโยบายแบบเดิมเหมือนตอนที่เขาหาเสียงเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อนที่จะสร้างรัฐบาลให้ใหญ่ขึ้น,ใช้จ่ายมากขึ้น,เก็บภาษีและออกกฎระเบียบมากขึ้น แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แนวคิดของ โอบาม่า ไม่ประสบความสำเร็จ หากชาวอเมริกันเลือก โอบาม่า ให้รับตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 2 ชนชั้นกลางจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ดูจากผลงานการบริหารประเทศในช่วง 43 เดือนที่ผ่านมา เขาทำให้อัตราการว่างงานพุ่งสูงถึงร้อยละ 8.1
ส่วน โอบาม่า บอกว่า นายรอมนี่ย์ ไม่เคยบอกชัดเจนถึงแผนการสร้างงาน หรือ แผนการที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นจากความผิดพลาดที่ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันทำไว้ในอดีตได้อย่างไร ในขณะที่เขาเองมีวางจะเพิ่มการจัดเก็บภาษีคนรวยเพื่อลดการขาดดุล ซึ่งตรงข้ามกับนโยบายของ รอมนี่ย์ หากชาวอเมริกันเลือกนายรอมนี่ย์ ชนชั้นกลางในสหรัฐฯจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด
นักวิเคราะห์จากหลายสำนักมองว่า การประชันวิสัยทัศน์ในวันนี้นายรอมนี่ย์ ทำได้ดีกว่า โอบาม่า เพราะพูดตรงประเด็น ไม่มีการพูดจาหาเรื่องประกอบกับบุคลิกในการอภิปรายทำได้ดีในขณะที่ โอบาม่า บางครั้งมีท่าทางประหม่าและพูดตะกุกตะกัก
ทั้งนี้นายรอมนี่ย์ ซึ่งมีคะแนนตามหลังโอบาม่าต้องใช้เวทีการโต้วาทีให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเพื่อดึงคะแนนจากชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร นอกจากนี้เขาจะต้องแก้ไขภาพลักษณ์ของตัวเขาเอง หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอของนายรอมนีย์ ที่บอกว่ามีชาวอเมริกันร้อยละ 47 ที่ไม่ยอมจ่ายภาษี และ ทำตัวเป็นภาระให้รัฐบาลต้องดูแลทั้งนี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะมีขึ้นในวันที่ 6 พ.ย.นี้