ป่าไม้ จ.นครศรีฯแจ้งความเอาผิด "นายทุน-นักการเมืองท้องถิ่น" รุกป่าควนเคร็งกว่า 100 ไร่

สิ่งแวดล้อม
13 ต.ค. 55
02:01
191
Logo Thai PBS
ป่าไม้ จ.นครศรีฯแจ้งความเอาผิด "นายทุน-นักการเมืองท้องถิ่น" รุกป่าควนเคร็งกว่า 100 ไร่

เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 5 แจ้งความดำเนินคดีกับนายทุน และ นักการเมืองท้องถิ่นที่บุกรุกพื้นที่ป่าพรุ จ.นครศรีธรรมราชเพิ่มอีก 3 คน หลังพบว่า เป็นผู้บุกรุกพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดกว่า 100 ไร่ เมื่อวานนี้ ( 12 ต.ค.)

กรณีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าเสม็ดขาวในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าพรุควนเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยที่ถูกนายทุนบุกรุกกว่า 100 ไร่ พร้อมยึดรถแบ๊คโฮ 3 คัน เมื่อวานนี้ ( 12 ต.ค.)  ล่าสุดนายณัฐพล รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนฟื้นฟูและพัฒนา สำนักบริหารพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 5 เปิดเผยว่า ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุก 3 คนที่ เป็นเจ้าของเอกสารสิทธิ์ สค.1 จำนวน 4 แปลงที่นำไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ แต่จากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศตั้งแต่ปี 2498-2544 พบว่า จุดที่ถูกบุกรุกเป็นป่าอุดมสมบูรณ์

ส่วนพื้นที่บริเวณอื่นเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารสิทธิ์ สค.1 ที่มีความผิดปกติหลายแปลง และจะดำเนินการจับทันทีเมื่อมีการเข้าไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพของพื้นที่ เช่น การขุดยกร่อง และตัดไม้

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่งเนื้อที่กว่า 900 ไร่ของนักการเมืองท้องถิ่นในอำเภอชะอวด จากการตรวจสอบพบว่า มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบเพราะเอกสารทับพื้นที่ป่าพรุที่สมบูรณ์ และ ที่ดินแปลงนี้มีภาระทางการเงินกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิ์

ส่วนที่จังหวัดอุบลราชธานีชาวบ้าน 4 หมู่บ้าน ตำบลหัวดอน อำเภอเขื่องใน เรียกร้องหน่วยงานภาครัฐให้จัดสรรที่ทำกินและขอออกเอกสารสิทธิ์ บนพื้นที่นอกแนวกันไฟป่า เขตป่าอนุรักษ์ดงใหญ่วังอ้อ ประมาณ 300 ไร่ จากทั้งหมดกว่า 18,000 ไร่ โดยอ้างว่า บรรพบุรุษได้เข้าครอบครองพื้นที่ทำกิน ก่อนมีการประกาศเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2530

นายพรเลิศ โชคชัย นายอำเภอเขื่องใน มีข้อตกลงร่วมกับชาวบ้านว่า หากชาวบ้านคนใดมีหลักฐานทำกินก่อนการประกาศเป็นพื้นที่หลวง ให้นำหลักฐานยื่นต่ออธิบดีกรมที่ดิน เพื่อออกคำสั่งเพิกถอนการประกาศเป็นพื้นที่หลวง หรือ ให้ชาวบ้านใช้วิธีฟ้องร้องต่อศาลให้พิจารณาความเป็นมาของที่ดิน ระหว่างนี้ให้ชาวบ้านเข้าไปทำกินได้ตามปกติ แต่ห้ามตัดไม้แผ้วถางขยายพื้นที่


ข่าวที่เกี่ยวข้อง