จังหวัดอุบลราชธานีเตรียมประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้ง 11 อำเภอ หลังพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 2 แสนไร่

ชาวนาในจังหวัดพิจิตร ต้องผิดหวัง หลังสูบน้ำจากคลองส่งน้ำที่รับน้ำจากแม่น้ำปิง แต่ผลปรากฏน้ำมาไม่ถึง ไม่แตกต่างกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมา ต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้งเพิ่มเป็น 11 อำเภอ ขณะที่ จ.อุบลราชธานีเตรียมประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง 11 อำเภอ

ต้นข้าว ต้นแตงโมและต้นข้าวโพด ของเกษตรกรในหลายพื้นที่ของ จ.นครราชสีมา ต้องอยู่ในสภาพเหี่ยวเฉาและแห้งตาย หลังประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก จังหวัดต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 11 อ. จาก 32 อ. พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายกว่า 680,000 ไร่

ขณะเดียวกันได้สั่งการให้แต่ละอำเภอเร่งสำรวจแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อสำรองไว้ใช้ผลิตน้ำในการอุปโภคบริโภคและเตรียมรถบรรทุกน้ำกว่า 140 คัน และเครื่องสูบน้ำกว่า 150 เครื่อง เพื่อออกแจกจ่ายน้ำช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน

สถานการณ์ภัยแล้งยังขยายวงกว้างใน จ.อุบลราชธานี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้เสนอ 11 อ. เป็นพื้นทีประสบภัยแล้ง เพื่ออนุมัติงบประมาณช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร หลังมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายแล้วกว่า 200,000 ไร่

ส่วนชาวนาใน จ.ศรีสะเกษ ต้องเร่งเกี่ยวข้าว เพื่อป้องกันความชื้นจากฝน ที่ตกลงมาในหลายพื้นที่จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ขณะที่ชาวนาอีกหลายพื้นที่ต้องนำข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วออกตากให้แห้งเพื่อป้องกันเชื้อรา หลังได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกลงมาในระยะนี้

สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.พิจิตร โดยเฉพาะที่ ต.หนองโสน อ.สามง่าม ซึ่งได้รับผลกระทบขาดแคลนน้ำที่ใช้ในการทำการเกษตร ชาวนาต้องนำเครื่องสูบน้ำออกมาติดตั้งรอที่จะสูบน้ำบริเวณริมคลองส่งน้ำ บ้านแหลมเจดีย์-หนองโสน ซึ่งเป็นคลองที่รับน้ำจากแม่น้ำปิงจาก จ.กำแพงเพชร แต่น้ำส่งมาไม่ถึงทำให้ชาวนาต้องผิดหวัง

สร้างความกังวลให้กับชาวนา เนื่องจากต้นข้าวที่เริ่มเพาะปลูกกว่า 2 สัปดาห์จะแห้งตาย สำหรับ จ.พิจิตร ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งรุนแรง ใน 4 อำเภอ คือ อ.วชิรบารมี,อ.สามง่าม,อ.โพธิ์ประทับช้าง และ อ.บึงนาราง เนื่องจากทั้งหมดอยู่นอกเขตชลประทาน