เลขาฯสปสช.แจงการใช้สิทธิเบิกยาแก้โรคข้อเข่าเสื่อม เหตุอยู่นอกบัญชียาหลัก

สังคม
22 พ.ย. 55
08:01
124
Logo Thai PBS
เลขาฯสปสช.แจงการใช้สิทธิเบิกยาแก้โรคข้อเข่าเสื่อม เหตุอยู่นอกบัญชียาหลัก

ชี้ปี 2556 ยังมีงบฯกองทุนรายย่อยบริหารจัดการโรคล้มละลาย

 หลังจากมีข่าวกรณีกรมบัญชีกกรมบัญชีกลางยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ห้ามเบิกยากลูโคซามีน แก้โรคข้อเข่าเสื่อมในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ว่าการยกเลิกประกาศดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรคหรือไม่ นพ.วินัย ได้ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการใบสั่งยาในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของปี 2555 จำนวน 120 กว่าล้านใบพบว่ามีการเบิกจ่ายในกลุ่มกลุ่มโคซามีนเพียง 4 ใบ

ส่วนการเบิกจ่ายยากลูโคซามีนในระบบสวัสดิการรักษาพาบาลข้าราชการ จากการรายงานผลการติดตามโดย สำนักงานวิจัยเพื่อพัฒนาระบบประกันสุขภาพ(สวปก.) หลังจากที่กรมบัญชีกลางได้มีมาตรการและเงื่อนไงตามข้อเสนอของราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย โดยให้ผู้ป่วยจ่ายเงินไปก่อนและใช้ใบเสร็จพร้อมใบรับรองแพทย์ผู้สั่งใช้เพื่อประกอบการเบิกตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2554 พบว่า การเบิกจ่ายยาในกลุ่มดังกล่าวลดลงอย่างมากเหลือเพียงเดือนละ 8 แสนบาทหรือประมาณ ปีละ 10 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่จะมีมาตรการดังกล่าวซึ่งมีการเบิกเดือนละประมาณ 50 ล้านบาทหรือปีละ 600 ล้านบาท และตัวเลขการนำเข้ายาดังกล่าวก็ลดลงด้วย ทำให้ประเทศลดการนำเข้ายาดังกล่าวได้ปีละไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท

นายแพทย์วินัยกล่าวถึงเรื่องการยุบกองทุนย่อยต่างๆ ของ สปสช.นั้นว่า การบริหารงบประมาณสำหรับโรคเฉพาะที่ทำให้เกิดการล้มละลายกับผู้ป่วย และมีปัญหาการไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ เนื่องจากค่ารักษามีราคาแพง เช่น โรคไตวายเรื้อรัง เอดส์ หัวใจ มะเร็ง โรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลีย โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทั้งนี้ในปีงบประมาณในปี 2556 ยังคงมีการบริหารเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการเหมือนเดิม ซึ่งโดยปกติโรคดังกล่าวเมื่อมีการจัดการระยะหนึ่งจนทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้ดีแล้วก้อจะมีการปรับเข้าสู่ระบบปกติต่อไป

ส่วนการจัดการโรคราคาแพงที่เป็นภาระกับประชาชน รัฐบาลมีนโยบายในการบูรณาการสิทธิประโยชน์ระหว่างกองทุนต่าง ๆเพื่อเพิ่มคุณภาพในการให้บริการอย่างทัดเทียมกัน เช่น ที่ดำเนินการมาแล้วได้แก่ โรคเอดส์ โรคไตวายเรื้อรัง นโยบายฉุกเฉินรับบริการได้ทุกที่ และจะดำเนินการระยะต่อไปคือ โรคมะเร็ง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง