ตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่ายน้ำมันข้ามชาติ หนุนผู้ก่อความไม่สงบ
เงินสกุลริงกิต มูลค่าเกือบ 50 ล้านบาทที่บรรจุในลังกระดาษโดยมีข้อความบนกล่องระบุว่า ส่งให้บ้านท่าจีน เป็นอะไหล่สำคัญ ถูกคณะทำงานชุดปฏิบัติการป้องกันภัยแทรกซ้อน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยึดได้ภายในเรือประมงโชคนำชัย 2 ระหว่างการลอยลำจำหน่ายน้ำมันเถื่อน ให้เรือประมงในน่านน้ำของจังหวัดสงขลา โดยภายในเรือ พบการดัดแปลงลำเรือให้กลายมาเป็นถังเก็บน้ำมันที่สามารถจุได้ไม่ต่ำกว่า 40,000-50,000 ลิตร และยังมีท่อสายยางเพื่อใช้ถ่ายน้ำมัน
นายประเชิญ แก้วพิจิตร ไต๋ก๋งเรือ สารภาพว่า นำเรือไปรับน้ำมันเถื่อนที่จังหวัดปัตตานี เพื่อส่งให้ลูกค้าในประเทศเวียดนาม และบางครั้งก็จะไปรับน้ำมันจากเรือขนาดใหญ่ ที่บรรจุได้นับล้านลิตร ซึ่งลอยน้ำนอกน่านน้ำไทย เพื่อมาจำหน่ายให้ลูกค้า ที่ส่วนใหญ่เป็นเรือประมง พร้อมซัดทอดว่า เงินจำนวนนี้ได้รับการว่าจ้างจากนายจ้าง ชื่อ เสี่ยโจ้ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ไปส่งให้ลูกค้าในภาคกลาง โดยจะได้รับเงินค่าจ้าง 25,000 บาท/เดือน
"ส่วนใหญ่ไปเวียดนาม เขมร โดยรับจากไทยไปเวียดนาม ซึ่งไม่แน่นอน ส่วนใหญ่เป็นทะเลน้ำลึก" "ประเชิญ แก้วพิจิตร ไต๋ก๋งเรือโชคชัย 2
ขณะที่เจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบเพิ่มเติมว่า เรือประมงค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติลำนี้ เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทสินทรัพย์ทวีค้าไม้ ในจังหวัดปัตตานีตามคำซัดทอดของไต๋กงเรือหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าค้นภายในโรงงาน พร้อมยึดเงินสดกว่า 21 ล้านบาท รถยนต์ดัดแปลงบรรทุกน้ำมันสองคัน และโพยรายชื่อส่วยของหน่วยงานรัฐ และสื่อมวลชนของสถานีโทรทัศน์บางช่อง หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นบางฉบับเป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท/เดือน
"เงินสดจำนวนนี้ เป็นเงินที่จะย้อนกลับไป มีบางส่วนที่จะถูกส่งให้กับขบวนการผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งเราจะต้องติดตามขยายผลต่อ" พ.อ.จตุพร กลัมพสุต หน.ชุดปฏิบัติการป้องกันฯ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า
ท่าเรือปัตตานี เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกระบุจากเจ้าหน้าที่ว่า เป็นสถานที่ใช้ขนถ่ายน้ำมันข้ามชาติ รวมถึงท่าเรือในจังหวัดสงขลา สตูล และ อ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยเรือประมงที่สามารถบรรทุกน้ำมันได้ขนาด 30,000-40,000ลิตรคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100 ลำ รวมถึงเรือประมงขนาดใหญ่ ที่สามารถบรรทุกน้ำมันได้กว่า 1,000,000 ลิตร โดยอาศัยช่องว่างนำน้ำมันในประเทศที่อุดหนุนราคามาผสมสารโซแวนเพื่อเพิ่มปริมาณก่อนจะจำหน่ายให้เรือประมง และบางส่วนขนย้ายขึ้นฝั่งตามด่านต่างๆ โดยมีเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาทต่อเดือน