สรุปอภิปรายฯวานนี้ ฝ่ายค้านชี้โครงการรับจำนำข้าว "หลอกลวง-อำพราง-เอื้อประโยชน์-เปิดช่องว่างทุจริต"

การเมือง
27 พ.ย. 55
03:19
180
Logo Thai PBS
สรุปอภิปรายฯวานนี้ ฝ่ายค้านชี้โครงการรับจำนำข้าว "หลอกลวง-อำพราง-เอื้อประโยชน์-เปิดช่องว่างทุจริต"

อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีวันแรก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหานายกรัฐมนตรี "หลอกลวง-อำพราง-เอื้อประโยชน์-เปิดช่องว่างทุจริต" ในโครงการรับจำข้าว กรณีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กระทำผิดกฎหมายและกระทำการทุจริต ตามญัตติที่ยื่นไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎร

ข้อกล่าวหาที่ ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ประกอบไปด้วย กรณีการบริหารราชการแผ่นดินด้วยภาวะที่ขาดความรับผิดชอบหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ มุ่งเน้นผลประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม กรณีละเลยการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่ให้ความสำคัญกับปัญหา ซึ่งไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งผู้รับผิดชอบโดยตรง กรณีกำหนดนโยบายโครงการรับจำนำข้าว จนกลายเป็นปัญหาทุจริตแทบทุกขั้นตอน เป็นเหตุให้ประเทศสูญเสียกว่า 220,000 ล้านบาท และกล่าวหาว่า มีเจตนาส่งเสริมการทุจริต โดยไม่ตอบรับแนวทางของ ป.ป.ช.กรณีกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต

<"">
<"">

 

ขณะที่นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธข้อกล่าวหาของผู้นำฝ่ายค้าน และชี้แจงว่าโดยเจตนาหวังให้เกิดความสงบสุข ไม่แบ่งแยกแบ่งสี และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย เคารพอำนาจ 3 ฝ่าย ให้เกียรติผู้ร่วมงาน ด้วยการบริหารแบบเป็นทีม และยอมรับระบบรัฐสภา ไม่คิดหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ แต่ได้มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบเข้าตอบกระทู้ทุกครั้ง และชี้ว่า โครงการรับจำนำข้าว ไม่ได้เพิ่มเฉพาะรายได้ให้ชาวนา แต่ยังเพิ่มรายได้ให้กับประเทศในการขายข้าวราคาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และชี้แจงว่าไม่มีการทุจริตงบบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเบื้องต้นอนุมัติ 200,000 กว่าล้านบาท แต่ใช้จริงเพียง 120,000 ล้านบาท และไม่ได้ปฏิเสธการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามแนวทางของ ป.ป.ช. แต่ข้อเสนออยู่ระหว่างการพิจารณาไปสู่การปฏิบัติ

<"">
<"">

 

หลังจากนั้นส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ลุกขึ้นอภิปรายลงในรายละเอียดกรณีปัญหาโครงการรับจำนำข้าว โดยนายเกีรยติ สิทธีอมร ชี้การดำเนินการไม่ครอบคลุมเพราะมีชาวนาได้ประโยชน์แค่ 1.7 ล้านครัวเรือน จากชาวนาทั่วประเทศ 5.7 ล้านครัวเรือน และระบุว่า การขายแบบจีทูจี ที่อ้างว่าขายไปแล้ว 1.4 ล้านตัน แต่ข้อมูลของกรมศุลกากร บันทึกการขายเพียง 649,000 ตัน

ขณะที่นายอรรถพร พลบุตร ชี้ว่าการรับจำนำข้าวกำลังทำให้ประเทศเสียหายมหาศาล พร้อมกับเปิดคลิปการลักลอบขนข้าวเข้าไทย ที่จังหวัดสระแก้วและจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเวียนเทียนสวมสิทธิ์ และเปิดคลิปที่ถ่ายจากจังหวัดนครสวรรค์ กรณีซุกข้าวเสื่อมคุณภาพเข้ารับจำนำ และอ้างอิงคลิปจากจังหวัดนครปฐม กล่าวหามีการปลอมแปลงใบประทวนขึ้น โดยผู้รับประโยชน์คือบุคคลในตระกูลของรัฐมนตรี

<"">
<"">

 

นายยุพราช บัวอินทร์ อภิปรายชี้ว่ารัฐบาลจ่ายเงินรับจำนำจริง 15,000 บาทต่อเกวียนจริง แต่ไม่ถึงมือชาวนา เพราะถูกโกงความชื้นจากโรงสี พร้อมอ้างอิงตัวเลขจากหนังสือ รู้ลึกรู้จริง รับจำนำข้าว โดยชี้ว่าชาวนาขายข้าวได้เพียง 11,000 บาทต่อตัน ทั้งที่ต้นทุนเพาะปลูก 9,074 บาท และตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มที่หาประโยชน์หากำไรจากชาวนา ก็จะได้ส่วนต่าง 4,000 บาท

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อภิปรายเน้นไปที่การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ระหว่างไทยกับจีน จำนวน 7 ล้านกว่าตันนั้น รัฐบาลขายให้กับบริษัท ซึ่งไม่มีที่มาของการจัดตั้งหรือบริษัทผี เพราะชื่อผู้รับซื้อ เป็นชื่อของคนไทย ส่วนอีก 5 ล้านกิโลกรัม ขายให้กับนายปาล์มและเสี่ยโจ พร้อมกันนั้นยังระบุว่า ผลการตวจสอบการขายข้าวในโกดังจังหวัดพิจิตร 400,000 กว่ากระสอบ เป็นการอำพรางชื่อบริษัท เพื่อส่งมอบ ไม่ได้ขายจริง

<"">

 

การทุจริตหอมแดง-มันสำปะหลัง-ราคายางพาราตกต่ำ
ไม่เพียงประเด็นรับจำนำข้าว แต่ยังมีประเด็นทั้งการทุจริตหอมแดง และมันสำปะหลัง ที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หยิบยกมาอภิปราย

ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังคงอภิปรายถึงกรณีปัญหาการรับจำนำ ทั้งกรณีทุจริตหอมแดงและมันสำปะหลัง โดยมีข้อสังเกตเดียวกัน คือ ราคาที่เป็นส่วนต่างหายไปไหน และเอื้อประโยขน์ให้ใครหรือไม่ รวมถึงราคายางพาราที่ตกต่ำ แต่ราคาต้นทุนแทบทุกอย่างสูงขึ้น โดยเฉพาะปุ๋ย พร้อมทวงสัญญาที่จะกำหนดราคายางให้สูงถึง 120 บาท

และตั้งแต่เวลา 22.00 น.เป็นต้นไป ก็ถือว่าบรรยากาศการประชุมค่อนข้างตึงเครียด เมื่อ ส.ส.ฝ่ายค้าน อภิปรายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ขาดหลักนิติรัฐนิติธรม พร้อมกับแจงไปถึงปัญหาการให้วีซ่าและหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ต้นเหตุของการประท้วงอยู่ที่กรณีการเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผู้อภิปรายพยายามจะเรียกสรรพนามของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกี่ยวกับคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดา แต่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะเรียกบุคคลที่ 3 ในสภาผู้แทนราษฎรในด้านลบ ถกกันไปถกกันมา ทำให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องลุกขึ้นมาชี้แจงกลางดึก ว่าการคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมเป็นดุลยพินิจที่ถูกต้อง เพราะบุคคลที่จะถูกยึดพาสปอร์ตคือบุคคลที่เป็นอันตรายต่อประเทศและก่อความเสียหายให้กับประเทศ แต่ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง