จากการเข้าตรวจสอบของสื่อมวลชนพบว่า ช่วงเวลาที่เลยเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาที่รัฐบาลพม่าขีดเส้นตายให้ผู้ประท้วงทั้งหมดออกจากเหมืองแร่ทองแดง "เลต์ปาดอง" ใกล้เมือง "มอนีวะ" ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของพม่า ปรากฏว่าผู้ประท้วงอีกนับร้อยคน เกือบทั้งหมดเป็นพระสงฆ์ ยังคงปักหลักประท้วงต่อ และในวันนี้(29 พ.ย.) นางอองซานซูจี แกนนำฝ่ายค้านและผู้นำเรียกร้องประชาธิปไตยจะเดินทางมาพบปะผู้ประท้วง ซึ่ง 4 วันก่อนหน้านี้ที่เมืองย่างกุ้งก็มีการเดินขบวนประท้วงเช่นกัน เหมืองแร่เลต์ปาดองเป็นกิจการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทผลิตอาวุธจากจีนและบริษัทที่ทหารพม่าควบคุม
ทั้งนี้ผู้ประท้วงนับพันคน ซึ่งประกอบด้วยพระสงฆ์และชาวบ้าน ได้บุกยึดไว้หลายวันก่อนหน้านี้ โดยเมื่อช่วงเย็นวานนี้(28 พ.ย.) ตำรวจก็ได้แต่เพียงอ่านประกาศคำสั่งของรัฐบาล แต่ไม่มีการใช้กำลังขับไล่
รัฐบาลพม่าอ้างว่า หลังผู้ประท้วงบุกเข้ายึด เหมืองแร่แห่งนี้ได้หยุดกิจการมาตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน ทั้งนี้ ผู้ประท้วงอ้างว่าเกิดมลพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสภาพแวดล้อม รวมทั้งมีการรุกที่ทำกินของชาวบ้าน ที่ดินวัดและโรงเรียนหลายพันไร่
ด้วยเหตุผลเดียวกันกับการประท้วงครั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว(2554) รัฐบาลพม่าเคยสร้างความประหลาดใจ ด้วยการยกเลิกโครงการสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำที่จีนให้การสนับสนุน ดังนั้น กรณีขัดขืนคำสั่งครั้งนี้ จึงน่าจับตาว่ารัฐบาลพม่าจะจัดการอย่างไร