60 ปี การปฎิวัติ"คนข้ามเพศ"

การที่คนข้ามเพศเริ่มเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้น ส่วนสำคัญมาจากการต่อสู้ของสตรีข้ามเพศคนแรก คริสติน จอร์เกนเซ่น ผู้กล้าเปิดเผยตัว และเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนในการเรียกร้องสิทธิของคนข้ามเพศ

จากที่เคยใช้ชีวิตในร่างชายมาถึง 27 ปี แต่เมื่อ คริสติน จอร์เกนเซ่น ตัดสินใจแปลงเพศเป็นหญิง สร้างความฮือฮาไม่น้อยให้กับผู้คนใน สหรัฐฯเมื่อ 60 ปีก่อน ทำให้สมาคม Scandinavian Society ของนครนิวยอร์ก มอบรางวัลสตรีแห่งปีให้เธอเมื่อ 59 ปีก่อน

ย้อนวันก่อนที่จะเป็น คริสติน จอเกนเซ่น ชื่อเดิมของเธอคือ จอร์จ บุตรชายของครอบครัวเชื้อสายสแกนดิเนเวียนในนิวยอร์ก จอร์จพบว่าเพศชายไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น และตัดสินใจแปลงเพศเมื่ออ่านข่าวพบว่ามีการใช้ฮอร์โมนแปลงเพศในสัตว์เป็นผล สำเร็จโดยคณะแพทย์ที่เดนมาร์ค

ก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามผ่าตัดแปลงเพศมาแล้วในปี 1930 โดยทีมแพทย์ชาวเยอรมนีที่ผ่าตัดให้กับ ลิลลี เอลบี้ ศิลปินชาวเดนมาร์ก แต่ล้มเหลวจนทำให้เธอเสียชีวิต เป็นบทเรียนให้กับทีมแพทย์ของเดนมาร์กพัฒนาการผ่าตัดแปลงเพศให้ปลอดภัยยิ่ง ขึ้น จากการใช้ฮอร์โมนเพศหญิงร่วมการบำบัดนานนับปี ซึ่งความสำเร็จในการผ่าตัดครั้งใหม่ไม่พบการติดเชื้อหรือผลข้างเคียง นับเป็นความเหลือเชื่อสำหรับวิทยาศาสตร์การแพทย์ในยุคนั้น

ทันทีที่เดินทางกลับมายังสหรัฐฯ จอร์จ ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชีวิต ด้วยการเปลี่ยนชื่อเป็น คริสติน แต่ยังถูกจับตาจนกลายเป็นดาวเด่นในอเมริกัน ด้วยการเริ่มต้นงานในวงการบันเทิง และ ภาพยนตร์ รวมถึงการแสดงในไนท์คลับ แม้ช่วงแรกจะราบรื่นเพราะเป็นที่ยอมรับของสังคมและครอบครัว แต่ไม่ได้หมายถึงชีวิตคู่ที่จะประสบความสำเร็จตามไปด้วย เพราะเธอถูกถอนหมั้นถึง 2 ครั้ง โดยเฉพาะกับกรณีของ ฮาเวิร์ด เจ. น็อกซ์ ที่นอกจากจะไม่สามารถจดทะเบียนได้ เพราะใบแจ้งเกิดของเธอระบุเป็นเพศชาย แฟนหนุ่มยังต้องตกงานเพราะมีข่าววิวาห์กับชายข้ามเพศ

ก่อนเสียชีวิตด้วยสาเหตุจากมะเร็งปอดและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเมื่อปี 1989 ในวัย 62 ปี คริสตินเดินทางกลับไปยังโคเปนเฮเกน เพื่อร่วมออกรายการกับทีมแพทย์ที่มอบชีวิตใหม่ให้กับเธอ โดยกล่าวว่าการตัดสินใจผ่าตัดอาจไม่ใช่จุดเริ่มของการปฎิวัติทางเพศ แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการเรียกร้องสิทธิของคนข้ามเพศให้เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง