เผยผลสำรวจ "ดาต้าเซ็นเตอร์"ในไทย"ซับซ้อน"มากขึ้น

Logo Thai PBS
เผยผลสำรวจ "ดาต้าเซ็นเตอร์"ในไทย"ซับซ้อน"มากขึ้น

ไซแมนเทคเผย สถานะของดาต้าเซ็นเตอร์ ระบุโมบายล์คอมพิวติ้ง, เวอร์ช่วลไลเซชั่น และคลาวด์ซับซ้อนขึ้น

 ไซแมนเทค คอร์ป ระบุว่า ร้อยละ 79 ขององค์กรรายงานถึงความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นในดาต้าเซ็นเตอร์ จากผลการสำรวจสถานะของดาต้าเซ็นเตอร์ (State of the Data Center Survey) ประจำปี 2555 ผลการสำรวจดังกล่าว จัดหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาท้าทายสำคัญๆ ที่องค์กรทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าวฯ เมื่อดาต้าเซ็นเตอร์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงผลกระทบต่อธุรกิจในปัจจุบัน

ทั้งนี้ สาเหตุของความซับซ้อนในดาต้าเซ็นเตอร์เกิดจากหลายปัจจัย โดยผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าการปรับใช้แนวทางการบริหารจัดการข้อมูลอย่างโปร่งใสเป็นโครงการหลักที่องค์กรต่างๆ ต้องทำเพื่อรับมือกับปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นในดาต้าเซ็นเตอร์ ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และควบคุมปริมาณข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น

นายประมุท ศรีวิเชียร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ไซแมนเทค กล่าวว่า ปัจจุบัน องค์กรธุรกิจในไทยมีการสร้างข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเปรียบเสมือนการขับเคลื่อนและผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว หรืออาจฉุดรั้งองค์กรไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า ความแตกต่างอยู่ที่ องค์กรจะต้องสามารถรับมือกับปัญหาท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า ด้วยการปรับใช้แนวทางการควบคุม เช่น การกำหนดมาตรฐาน หรือสร้างกลยุทธ์การบริหารข้อมูลอย่างโปร่งใส เพื่อปกป้องข้อมูลให้ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

โดยความซับซ้อนของดาต้าเซ็นเตอร์เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ซึ่งองค์กรทุกขนาดในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาครายงานเกี่ยวกับความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นในดาต้าเซ็นเตอร์ จากผลสำรวจ พบว่าความซับซ้อนของดาต้าเซ็นเตอร์ส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมของการประมวลผล โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐาน การกู้คืนระบบ การจัดเก็บข้อมูล และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกให้คะแนนความซับซ้อนในทุกๆ ด้านในระดับที่ใกล้เคียงกัน (6.6 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน) โดยความปลอดภัยมีคะแนนสูงสุดที่ 7.1 คะแนน ระดับความซับซ้อนโดยเฉลี่ยสำหรับบริษัททั่วโลกอยู่ที่ 6.7 คะแนน ส่วนความซับซ้อนโดยเฉลี่ยในทวีปอเมริกาอยู่ในระดับสูงสุดที่ 7.8 ขณะที่เอเชีย-แปซิฟิกมีคะแนนต่ำสุดอยู่ที่ 6.2  ผลกระทบจากความซับซ้อนของดาต้าเซ็นเตอร์มีความหลากหลายและก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงมาก

มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์ซับซ้อนมากขึ้น ประการแรกคือ ผู้ตอบแบบสอบถามรายงานว่าต้องจัดการกับแอพพลิเคชั่นที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมีความสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจ โดยในระดับโลกร้อยละ 65 ระบุว่าแอพพลิเคชั่นที่สำคัญต่อธุรกิจมีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนในประเทศไทยร้อยละ 95

จำนวนแอพพลิเคชั่นที่สำคัญต่อธุรกิจมีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือเพิ่มขึ้นอย่างมาก และปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความซับซ้อนสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ในเมืองไทย ได้แก่ การเติบโตของแนวโน้มไอทีสำคัญๆ เช่น ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น (54%ของผู้ตอบแบบสอบถาม), คลาวด์คอมพิวติ้งสาธารณะ (49%), เซิร์ฟเวอร์และเดสก์ท็อปเวอร์ช่วลไลเซชั่น (46%สำหรับแต่ละรายการ) และคลาวด์คอมพิวติ้งภายในองค์กร (46%)

ผลสำรวจระบุว่าความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของไทย ส่งผลกระทบกว้างขวาง มากที่สุดคือ ต้องใช้เวลานานขึ้นในการค้นหาข้อมูล เกือบครึ่งหนึ่ง 47% เป็นผลกระทบจากความซับซ้อน ผลกระทบอื่นๆ ได้แก่ ใช้เวลานานขึ้นในการจัดสรรสตอเรจ 40%, การโยกย้ายสตอเรจ 36 %, ความคล่องตัวลดลง36%, การละเมิดระบบรักษาความปลอดภัย 36%, ข้อมูลสูญหายหรือถูกจัดเก็บไว้ผิดที่ผิดทาง 36%, ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น 35%, ระบบหยุดทำงาน 35 % และความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี 33%

องค์กรทั่วไปในระดับโลกประสบปัญหาดาต้าเซ็นเตอร์หยุดทำงานโดยเฉลี่ย 16 ครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายโดยรวม 5.1 ล้านดอลลาร์ โดยสาเหตุหลักที่พบเห็นได้มากที่สุดก็คือ ระบบหยุดทำงาน ตามมาด้วยข้อผิดพลาดของบุคลากร และภัยธรรมชาติ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง