แฟชั่นชุดกี่เพ้าสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่

ชุดกี่เพ้าไม่เพียงเป็นเอกลักษณ์ที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับสาวชาวจีน หากรูปแบบที่พัฒนา และเปลี่ยนไปตามแต่ละยุคยังสอดคล้องกับวิถีชีวิต และสภาพสังคม ไปจนถึงการออกแบบ และลวดลายที่บางบอกถึงตัวตนของผู้สวมใส่

ไม่ได้เน้นลวดลายสวยงาม หากชุดสตรีที่ตัดเย็บด้วยผ้าต่วนปักบริเวณปกคอ ให้ความสำคัญที่ความยาวคลุมถึงเท้าเพื่อปกป้องฝุ่นจากทะเลทราย และลำตัวกว้างใหญ่เพื่อสะดวกในการขี่ม้า นี่คือชุดกี่เพ้าของสาวแมนจูที่ออกแบบ และตัดเย็บให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้สวมใส่ในช่วงปี ค.ศ. 1616 - 1911 สมัยต้นราชวงศ์ชิง

ภายหลังวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มแพร่เข้าสู่ประเทศจีน ส่งอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการแต่งกายอย่าง กี่เพ้า ทำให้มีรูปร่างโค้ง เว้า และเข้ารูปมากขึ้น ขณะที่แขน และความยาวก็เปลี่ยนไปตามความนิยมของสาวจีนในแต่ละช่วงเวลา

ไม่เพียงเป็นชุดเอกลักษณ์ของสาวแดนมังกร หากความนิยมในการสวมใส่โดยเฉพาะในงานพิเศษ จึงถูกให้ความสำคัญทั้งการตัดเย็บ ลวดลาย และการออกแบบอย่างพิถีพิถันที่ผู้สวมใส่มักถ่ายทอดความเป็นตัวตนผ่านลายปักบนกี่เพ้า

ปภังกร กลเกียรติ นักออกแบบกี่เพ้า กล่าวว่า ชุดกี่เพ้าเหมือนกับใส่เรื่องราวไปด้วย ในสภาพแวดล้อมตรงนั้นมีดอกโบตั้นสีอะไร มีนก มีแมลงอะไร ชุดกี่เพ้าจะเป็นตัวบ่งบอกเลยว่าผู้ใส่คือใคร จะมีสีลาย ที่ใครใส่ได้ไม่ได้ กี่เพ้าคนชอบเอาไว้เป็นชุดแต่งงาน ซึ่งเขาจะใส่ไว้เลยว่าเจ้าสาวเป็นใคร ยังไง

ฉินอี้ว์เซิน ที่ปรึกษาฝ่ายวัฒนธรรม สถานทูตจีน กล่าวว่า กี่เพ้า รวมศิลปะทุกแขนงเอาไว้ ทั้งการปักผ้า การย้อม การลงสี การตัดเย็บ การออกแบบ ทุกศาสตร์รวมอยู่ในชุดกี่เพ้า

นพ.พงศกร จินดาวัฒนะ ผู้เขียนบทประพันธ์กี่เพ้า กล่าวว่า กี่เพ้ามีลักษณะเฉพาะ ค่อนข้างเข้ารูป ใส่แล้วเซ็กซี่ แต่ไม่ต้องเปิดเผยเนื้อตัวเลย ในสมัยโบราณจนบัดนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน

ปัจจุบันกี่เพ้าออกแบบตามแฟชั่นมากขึ้น หากสีของชุดกี่เพ้ายังคงเป็นสีดั้งเดิม เช่น ชุดกี่เพ้าที่ใช้สีแดงสด สีเขียวสด และสีฟ้าสดตัดกับสีแดงและสีดำ ยังมีการนำผ้าหลายชนิดมาตัดเย็บ และมีรูปแบบหลากหลายไม่ว่าจะเป็นชุดกี่เพ้าสั้น ชุดกี่เพ้ายาว แขนกุด หรือชุดกี่เพ้าที่ออกแบบตามฤดูกาล

แม้รูปแบบจะเปลี่ยนไป หากลวดลายยังคงตามแบบโบราณ อย่างลายดอกเหมอย ราชินีแห่งดอกไม้ฤดูหนาว และดอกโบตั๋นที่เสริมพลังแห่งโชคลาภ ไม่เพียงเพิ่มความอ่อนหวานให้กับกี่เพ้า หากยังแฝงความหมายมงคลให้กับผู้สวมใส่