ทีแบน เรียกร้อง อสมท.ระงับโฆษณาแร่ใยหินที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ

สังคม
25 ธ.ค. 55
14:36
160
Logo Thai PBS
ทีแบน เรียกร้อง อสมท.ระงับโฆษณาแร่ใยหินที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ

สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่งหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี เร่งยกเลิก 5 ผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบแร่ใยหิน ขณะที่เครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินประเทศไทย เรียกร้อง อสมท. ระงับโฆษณาผ่านสื่อวิทยุในเครือที่ระบุว่า แร่ใยหินไม่เป็นอันตราย เพราะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ และขัดมติ ครม.

ผู้แทนเครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินประเทศไทย (ทีแบน) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการออกโฆษณาผ่านสื่อวิทยุในเครือ อสมท. เช่น เอฟเอ็ม 95 เมกกะเฮิร์ท และ เอฟเอ็ม 100.5 เมกกะเฮิร์ท ที่ใช้ข้อความว่า "แพทย์ได้ออกมารับรอง ว่าการใช้แร่ใยหินไม่เป็นอันตราย และทนทาน" ถือว่าค้านกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 ที่ให้ยกเลิกการนำเข้าวัตถุดิบ หรือ ส่วนประกอบแร่ใยหิน และมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 3 ที่ให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน

รองศาสตราจารย์ วิทยา กุลสมบูรณ์ ผู้จัดการแผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ได้ยื่นหนังสือถึง อสมท.ในฐานะสื่อของรัฐ ให้ระงับการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวทันที และแจ้งไปยังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ให้ควบคุมการเผยแพร่โฆษณาที่เป็นการให้ข้อมูลเท็จแก่ผู้บริโภค เนื่องจากข้อมูลทางการแพทย์ และงานวิจัยจากทั่วโลก ยืนยันว่าแร่ใยหินเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด และมะเร็งเยื่อหุ้มปอด

ขณะนี้มีเกือบ 60 ประเทศแล้วที่หยุดนำเข้าแร่ใยหิน นอกจากนี้ในไทยยังพบผู้เสียชีวิตจากแร่ใยหินแล้ว 3 คน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศให้สินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ดังนั้นการโฆษณาว่า แร่ใยหินไม่เป็นอันตราย จึงเป็นการให้ข้อมูลเท็จ

ศ.เมธี สุปรีดิ์ วงศ์ดีพร้อม ประธานคณะทำงานการพัฒนาคุณภาพชีวิต สาธารณสุข และคุ้มครองผู้บริโภค สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ บอกว่า ได้ส่งหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี ให้เร่งรัดยกเลิกการนำเข้าวัตถุดิบแร่ใยหิน ยกเลิกการผลิตและการจำหน่ายสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหิน และมีวัตถุดิบทดแทน ภายในปี 2556 ซึ่งให้เริ่มจากการยกเลิกผลิตภัณฑ์ 5 ประเภท คือ กระเบื้องแผ่นเรียบ, กระเบื้องยางปูพื้น, ผ้าเบรก และคลัทซ์, ท่อซีเมนต์ใยหิน และกระเบื้องมุงหลังคา พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการ ด้านการรื้อถอนให้มีความปลอดภัย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง