เปิดประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส วันนี้

การประชุม "เวิร์ล อีโคโนมิค ฟอรั่ม"ซึ่งเป็นการประชุมเศรษฐกิจโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เมืองดาวอสของสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งปีนี้เนื้อหาหลักๆจะพูดถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก รวมถึงสถานการณ์ความรุนแรงในซีเรียและสาธารณรัฐมาลี ในขณะที่การสำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจทั่วโลก มองว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกน่าจะยังอยู่ในภาวะซบเซา

ตัวแทนภาคธุรกิจจากทั่วโลกประมาณ 2,500 คนทยอยเดินทางมาที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อร่วมพิธีเปิดการประชุมจะมีขึ้นในวันนี้ (23 ม.ค.) และจะมีการประชุมต่อเนื่องไปอีก 5 วัน โดยจะมีประมุขและผู้นำจาก 45 ประเทศมาเข้าร่วมการประชุม แม้ว่าการประชุมจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจโลก และจะมีการพูดถึงปัญหาความขัดแย้งในประเทศต่างๆ อาทิ ซีเรียและมาลี รวมถึงการพัฒนาในด้านต่างๆ ซึ่งนายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ,นายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ จะขึ้นเวทีพูดถึงการพัฒนาในด้านต่างๆ ด้วย

ส่วนประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ จะมีการหารือถึงแนวทางฟื้นฟู แลกเปลี่ยนความเห็นและเสนอแนะวิธีรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นต้น และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ก็มีการเปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจทั่วโลก เกี่ยวกับความคาดหวังของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำโดยบริษัท"ไพรซ์วอเตอร์เฮ้าท์คูเปอร์" ไปสอบถามซีอีโอในภาคอุตสาหกรรมการเงิน 1,330 คน ใน 68 ประเทศ ผลปรากฏว่ามีร้อยละ 36 ที่มั่นใจว่าธุรกิจของตัวเองจะไปได้ดีในช่วง 12 เดือนนับจากนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าการสำรวจเมื่อ 2 ปีก่อน ที่นักธุรกิจมีความมั่นใจถึงร้อยละ 40 และร้อยละ 48 สะท้อนให้เห็นว่าความมั่นใจของนักธุรกิจโลก ถดถอยลงเรื่อยๆ เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยนักธุรกิจที่มองการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในแง่ร้ายมากที่สุดคือยุโรปตะวันตก รองลงมาคืออเมริกาเหนือ,เอเชียแปซิฟิคและแอฟริกา ส่วนนักธุรกิจที่มองโลกในแง่ดีมากที่สุดคือนักธุรกิจของรัสเซีย ที่มีความเชื่อมั่นถึงร้อยละ 66 ว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะไปได้

ส่วนการสอบถามความเห็นว่า ประเทศใดที่น่าจะมีบทบาทสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แน่นอนว่าจีนนำมาเป็นอันดับ 1 ตามด้วยสหรัฐฯ, บราซิล, เยอรมนี,ญี่ปุ่น และอินเดีย และปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่อินโดนีเซียติดโผ 1 ใน 10 ของประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจ