พิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพ ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ท่ามกลางแฟนบอลที่เข้ามาชมกันเต็มความจุสนาม โดยพิธีเปิดนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิด และหลังจากพิธีเปิดจบลง ในเกมที่ไทยพบกับฟินแลนด์ ได้ส่งนักเตะดาวรุ่ง 3 คนลงเป็นตัวจริง ลงสนามพบกับ ฟินแลนด์ ที่นำทีมโดย มิคาเอล ฟอสเซล อดีตนักเตะของเชลซี และ เบอร์มิงแฮม
เพียง 4 นาที ทีมไทยเสียประตูเร็ว และเป็นการบุกเพียงครั้งแรกของฟินแลนด์และเป็นประตูขึ้นนำไทย 1-0 จากการกระโดดแปของ มิกโก้ ชูมูซาโล่ เกมรับของไทยยังเป็นปัญหาเมื่อโดนกดดัน ทำให้เสียประตูที่ 2 เมื่อ มิคาเอล ฟอสเซล พุ่งโหม่งให้ฟินแลนด์หนีไปเป็น 2-0 หลังจากเสีย 2 ลูก เกมของไทยเริ่มเนือยลงไปแต่นักเตะไทยยังมีโอกาสทั้งจากลูกยิงของ ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย และ กีรติ เขียวสมบัติ แต่ทำไม่ได้ สุดท้ายความพยายามของไทยมาสำเร็จจากการฉวยโอกาสเล่นเร็วนฤบดินทร์ยิงให้ไทยตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2
หลังจากได้ประตูตีไข่แตก ทีมไทยเปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่องแต่ขาดความแน่นอน และเป็นให้ฟินแลนด์ที่ฉวยโอกาสในจังหวะสวนกลับ ตอนที่กองหลังไทยลงไม่ทันได้ประตูย้ำชัยชนะนาที 87 จาก มิคาเอล ฟอสเซล คนเดิม จบเกมทีมไทยแพ้ฟินแลนด์ 1-3 โดยไทยจะได้ไปชิงอันดับ 3 พบกับเกาหลีเหนือที่แพ้สวีเดน ในการดวลจุดโทษไป 4-1 หลังจากในเวลา 90 นาที สวีเดนกับเกาหลีเหนือเสมอกัน 1-1
ด้านวินฟรีด เชเฟอร์ โค้ชทีมชาติไทย ออกมายกย่อง 2 นักเตะดาวรุ่งของไทยที่แจ้งเกิดในเกมนี้ได้อย่างเต็มตัวทั้ง นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม ที่ทำประตูในการติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกได้ และชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่สร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับของฟินแลนด์ได้พอสมควร และคาดนักเตะทั้ง 2 คนจะเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติต่อไป อย่างไรก็ตามในการชิงอันดับ 3 ที่จะพบกับเกาหลีเหนือนั้น ต้องพยายามเอาชนะให้ได้ ขณะที่นฤบดินทร์ และ ชนาธิป 2 นักเตะดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มได้ดี พอใจกับผลงานของตนเอง และขอโทษแฟนบอลที่เก็บชัยชนะเหนือฟินแลนด์ไม่ได้
และในวันที่ 26 มกราคม จะเป็นคู่ชิงที่ 3 ไทยพบกับเกาหลีเหนือเวลา 15.00 น. จากนั้นคู่ชิงชนะเลิศ ฟินแลนด์ จะพบกับ สวีเดน เวลา 19.00 น. ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี