ทีมกฎหมายไทย เตรียมหารือกับทีมกฎหมายชาวต่างชาติ คดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร
ข้อมูลจากเทปบันทึกเพื่อการเผยแพร่ข้อเท็จจริง ของกระทรวงการต่างประเทศ นายวีรชัย พลาศรัยและนายณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร ยืนยันถึงระบบและกลไกที่วางไว้เพื่อเอื้อต่อการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ซึ่งมีสังเกตว่า นอกจากแนวทางที่กำหนดไว้ 2 ประเด็น ทีมที่ปรึกษาชาวต่างชาติ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมวางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการต่อสู้คดี ด้วยเหตุที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่ไม่ประมาณในระบบและกลไกที่คล้ายกันระหว่างไทยและกัมพูชา
นอกจากระบบและกลไก ที่วางไว้เพื่อรวบรวมข้อมูลในการต่อสู้คดี และกลั่นกรองถ้อยคำที่จะนำไปแถลงปิดคดีด้วยวาจาในศาลโลก ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ทีมกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ หรือทีมความมั่นคง กระทรวงกลาโหม ที่ได้ร่วมตัดสินใจแล้ว คณะผู้แทนฝ่ายไทย ในคดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ต้องมียุทธศาสตร์ในการนำเสนอ เพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริง
และหนึ่งในยุทธศาสตร์ของการนำเสนอ ต้องมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่วยขัดเกลา โดยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา หนึ่งในที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และคณะผู้แทนฝ่ายไทย เตรียมเดินทางไปหารือผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติในวันที่ 7 - 9 ก.พ.
นายวีรชัย พลาศรัยและนายณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร กล่าวยืนยันถึงการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ แต่ไม่ควรประมาทในทุกขั้นตอน ซึ่งไทยจะมีทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและเคยว่าความในศาลโลกมาแล้วหลายครั้ง แต่กัมพูชาเหมือนกับไทย
สำหรับประเด็นในการต่อสู้กำหนดไว้ 2 ประเด็นด้วยกัน คือ ศาลโลกไม่มีอำนาจพิจารณาคำฟ้องของกัมพูชา และคำฟ้องของกัมพูชา เป็นเพียงคำอุทธรณ์คดีเก่า เมื่อปี 2505 โดยเฉพาะประเด็นเขตแดน ซึ่งเป็นข้อพิพาทใหม่ ที่ไม่เข้าเงื่อนไขตามธรรมนูญของศาลโลก ทั้งยังต้องย้ำว่า คู่กรณี ทั้งไทยและกัมพูชา ไม่ได้มีความขัดแย้ง และปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกมาตลอด
ขณะที่มีข้อมูล จากเอกอัครราชทูต กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่า การแถลงปิดคดีด้วยวาจา ของฝ่ายกัมพูชา เตรียมพาดพิงถึงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้น ทางคณะผู้แทนฝ่ายไทย จะอ้างอิงมาติ ครม. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2505 เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก โดยกำหนดขอบเขตของไทยไว้ที่รั้วลวดหนาม ก่อนถอนกำลังทหารในอีก 5 วันถัดมา นั่นหมายความว่า ไทยและกัมพูชา ยอมรับเงื่อนไขของกันและกันแล้ว และเมื่อวันที่ 5 มกราคม สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ ทรงเสด็จด้วย โดยมีภาพถ่ายและเทปบันทึกภาพยืนยันข้อเท็จจริง