นักอนุรักษ์ค้านสวนสัตว์ไทยนำเข้าวาฬเบลูก้า

กลุ่มนักอนุรักษ์สัตว์ต่อต้านการขอนำเข้าวาฬเบลูก้าเพื่อนำไปจัดแสดงของสวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร โดยให้เหตุผลว่าการจัดแสดงวาฬเบลูก้า ก็อาจทำให้สนับสนุนการล่าวาฬ ทรมานสัตว์และทำให้ตายเร็ว

การแสดงความสามารถของวาฬเบลูก้าตามคำสั่งของผู้ฝึกสอน เป็นจุดขายที่ดึงดูดและสร้างความเพลิดเพลินให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวชมสวนสัตว์ แต่แนนซี่ ลินน์ กิ๊บสัน มูลนิธิรักษ์สัตว์ป่า ปิยะวรรณ ตั้งสกุลสถาพร กลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์ และนักอนุรักษ์สัตว์ในประเทศไทย เห็นว่า เป็นการทรมานและนำไปสู่ความตายของวาฬในที่สุด จึงรวมตัวกันคัดค้าน การนำเข้าวาฬเพื่อจัดแสดงของสวนสัตว์เอกชนรายหนึ่ง ซึ่งได้ขออนุญาตกับกรมประมงเพื่อนำเข้าวาฬเบลูก้า 6 ตัว จากประเทศรัสเซีย

โดยให้เหตุผลของการคัดค้านว่าการขอนำเข้าวาฬครั้งนี้ เป็นการทารุณกรรมสัตว์ เพราะเป็นวาฬที่ขอจับจากธรรมชาติ ซึ่งในการล่าวาฬแต่ละตัวจะเน้นจับเฉพาะวาฬตัวเมีย หรือ วัยอ่อน เนื่องจากฝึกได้ง่ายกว่า จึงมีวาฬที่ไม่ใช่เป้าหมายจำนวนมากต้องบาดเจ็บและตาย

นอกจากนี้ เบลูก้า ยังเป็นวาฬที่มีถิ่นอาศัยในแถบหนาวเย็นของขั้วโลกเหนือ ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการกักขังในสภาพภูมิอากาศของไทย และยังจัดเป็นวาฬขนาดใหญ่ที่ต้องการอาณาเขตมากในการหากิน

กลุ่มอนุรักษ์นำรายชื่อกว่า 12,000 รายชื่อ ที่ได้จากการรณรงค์คัดค้านผ่านสื่อสังคมออนไลน์ส่งไปให้กรมประมง ขณะที่กรมประมงได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบสวนสัตว์แห่งนี้ เบื้องต้นพบว่าสถานที่กักขังและจัดแสดง มีหลายจุดบกพร่องที่ต้องปรับปรุง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการของกรมประมง

ส่วนการขอนำเข้าไม่ขัดต่อกฎหมาย เพราะวาฬเบลูก้า อยู่ในบัญชี 2 ของอนุสัญญาไซเตส ซึ่งสามารถส่งออก -นำเข้า หากได้รับใบอณุญาตถูกต้องจากหน่วยงานของประเทศผู้ซื้อ-ขายวาฬ