ก.ล.ต. ลงโทษผู้แนะนำการลงทุน 5 ราย ฐานใช้บัญชีลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองและใช้เงินกู้นอกระบบซื้อขาย

เศรษฐกิจ
5 ก.พ. 56
02:54
472
Logo Thai PBS
ก.ล.ต. ลงโทษผู้แนะนำการลงทุน 5 ราย ฐานใช้บัญชีลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองและใช้เงินกู้นอกระบบซื้อขาย

 ก.ล.ต. สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุนสังกัดบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาชลบุรี จำนวน 4 ราย ได้แก่1) นายสัมพันธ์ นันทชลากรกิจ ผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ 2) นายอภินพ จริยาเอกภาส ผู้แนะนำการลงทุนด้านตลาดทุน 3) นางสิริมาลย์ ธนูเทพ ผู้แนะนำการลงทุนด้านตลาดทุน และ 4) นางธนภร วรรณปกาศิต ผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ เนื่องจากใช้บัญชีหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองและใช้เงินกู้นอกระบบเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ และสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุนรายนายสมบูรณ์ ปัญจพลานุรักษ์ อดีตผู้จัดการสาขา สังกัดบริษัทเดียวกัน เนื่องจากรู้เห็นและสนับสนุนการกระทำดังกล่าว ตั้งแต่วันที่1กุมภาพันธ์ 2556 

 
ก.ล.ต. ได้รับการชี้เบาะแสและเข้าตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าผู้แนะนำการลงทุนสังกัดบล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง สาขาชลบุรี จำนวน 4 ราย ได้แก่ นายสัมพันธ์ นายอภินพ นางสิริมาลย์ และนางธนภร (ในขณะกระทำความผิดชื่อนางกรองทอง ชลศรานนท์) ใช้บัญชีหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเอง โดยกู้เงินจากผู้ลงทุนเจ้าของบัญชีเพื่อชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ซึ่งนายสัมพันธ์และนายอภินพได้กระทำความผิดดังกล่าวต่อเนื่องเป็นเวลานานและได้รับประโยชน์เป็นส่วนแบ่งค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (incentive) จากการใช้บัญชีหลักทรัพย์ดังกล่าวซึ่งนายสัมพันธ์มีปริมาณซื้อขายหลักทรัพย์จำนวนมากอีกด้วย ส่วนนางสิริมาลย์กระทำความผิดต่อเนื่องและได้รับประโยชน์เป็นincentive จากการใช้บัญชีหลักทรัพย์ดังกล่าว โดยมีนายสมบูรณ์ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้จัดการสาขามีส่วนรู้เห็นและสนับสนุนการกระทำที่เกิดขึ้นด้วย 
 
ก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายสัมพันธ์ นายอภินพ และนางสิริมาลย์ เป็นการกระทำผิดฐานใช้บัญชีหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเอง ใช้เงินกู้นอกระบบเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ และแสวงหาประโยชน์จากผู้ลงทุนโดยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติงาน สำหรับนางธนภรกระทำผิดฐานใช้บัญชีหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองและใช้เงินกู้นอกระบบเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ20(1) และ (2) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน 
ที่ ทลธ. 3/2555 เรื่อง การให้ความเห็นชอบบุคลากรของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อปฏิบัติหน้าที่วิเคราะห์การลงทุนและแนะนำการลงทุน ลงวันที่18 มกราคม พ.ศ. 2555 
 
ก.ล.ต. จึงสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุนของ 1) นายสัมพันธ์เป็นเวลา 2 ปี แต่เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์ต้นสังกัดได้ลงโทษด้วยการสั่งพักงานแล้ว 1 ปี จึงคงเหลือเวลาพักปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ก.ล.ต. อีก 1 ปี 2) นายอภินพเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน แต่เนื่องจากบริษัทต้นสังกัดได้สั่งพักงานแล้ว1 ปี จึงคงเหลือเวลาพักปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ก.ล.ต. อีก 6 เดือน 3) นางสิริมาลย์เป็นเวลา 1 ปี แต่เนื่องจากบริษัทต้นสังกัดได้สั่งพักงานแล้ว 1 ปี จึงถือว่าได้รับโทษตามคำสั่งของ ก.ล.ต. แล้ว และ 4) นางธนภรเป็นเวลา 1 ปี แต่เนื่องจากบริษัทต้นสังกัดได้สั่งพักงานแล้ว2 เดือน จึงคงเหลือเวลาพักปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ก.ล.ต. อีก 10 เดือน 
 
กรณีนายสมบูรณ์มีส่วนรู้เห็นและสนับสนุนการกระทำของผู้แนะนำการลงทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลดังกล่าวเป็นเวลานาน 6 ปี ด้วยการจัดทำบันทึกรับสภาพหนี้ของผู้แนะนำการลงทุนทั้ง 4 ราย ต่อเจ้าของบัญชีหลักทรัพย์ที่เป็นผู้ให้กู้ดังกล่าว ทั้งยังได้รับประโยชน์โดยอ้อมอีกด้วยซึ่งเป็นการประพฤติผิดต่อหน้าที่จากการให้บริการด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ขาดความรับผิดชอบหรือความรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ และสนับสนุนการกระทำความผิดของบุคคลอื่น ด้วยการรู้เห็นและจัดการให้ผู้แนะนำการลงทุนใช้บัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองและรู้เห็นและสนับสนุนการกู้เงินนอกระบบกับลูกค้า 
รวมถึงละเลยการตรวจสอบดูแลตามสมควรในฐานะผู้จัดการ เพื่อป้องกันมิให้ผู้ปฏิบัติงานซึ่งอยู่ภายใต้การตรวจสอบดูแลกระทำการหรืองดเว้นกระทำการ อันเป็นการฝ่าฝืนหรือขัดต่อกฎหมาย เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนตามข้อ 6(1) และ (4) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทธ/น/ข.37/2553 เรื่อง ลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ลงวันที่15 กันยายน พ.ศ. 2553 ก.ล.ต. จึงห้ามการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 5 ปี และสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ เป็นผู้แนะนำการลงทุนตามอายุการให้ความเห็นชอบที่เหลือ คือถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 และกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาคำขอความเห็นชอบในคราวต่อไปเป็นเวลา 5 ปี นับจากวันที่คำสั่งลงโทษมีผล 
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง