ดีเอสไอเรียก 3 ฝ่ายชี้แจงฮั้วประมูลสร้างโรงพัก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ต่อสัญญากับบริษัทผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงแผนการทำงานต่อและคาดว่าการก่อสร้างจะไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับกรณีนี้เป็นคดีพิเศษ และคาดว่าจะสรุปสำนวนว่าจะสามารถดำเนินคดีใครได้ภายในเดือนนี้

พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หารือผู้เกี่ยวข้องโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศที่มีปัญหา พร้อมเชิญพนักงานอัยการร่วมให้ข้อมูลด้านกฎหมาย และเรียกตัวแทนจากบริษัทพีซีซี ดีวิลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ผู้รับสัมปทานเข้าชี้แจงการดำเนินงาน วานนี้ (4 ก.พ.) โดยที่ประชุมมีมติว่า จะไม่ต่อสัญญากับ บริษัท พีซีซีฯ ซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 14 มีนาคม นี้ และสั่งการให้ทุกหน่วยที่ประสบปัญหา รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเป็นข้อมูลหากเกิดการฟ้องร้อง รวมถึงให้ดำเนินการด้านธุรการ เอกสารเพื่อเสนอว่าจ้างผู้รับเหมารายใหม่ เพื่อทุกอย่างจะได้ไม่ล่าช้า เพราะขณะนี้ รัฐได้สูญเสียงบประมาณไปกว่า 1 พัน 3 ร้อยล้านบาท

ด้านนายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ ยืนยันว่า บริษัทมีศักยภาพดำเนินการได้ ส่วนการที่ไม่ได้ก่อสร้างงานต่อเนื่องในที่ผ่านมา เพราะมีหลายสาเหตุ ทั้งอุกทุกภัยและข่าวในแง่ลบที่ทำให้บริษัทสูญเสียความน่าเชื่อถือไปมาก

ขณะที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ลงนามอนุมัติให้ การตรวจสอบโครงการก่อสร้างโรงพักเป็นคดีพิเศษแล้ว หลังข้อมูลที่คาดว่าจะมีการ ฮั้วประมูล ซึ่งเข้าเงื่อนไขคดีพิเศษโดยไม่ต้องเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ และสั่งให้เร่งสอบสวนคาดว่าจะสรุปสำนวนได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาใคร โดยในวันนี้ (5 ก.พ.) จะทำหนังสือเชิญบุคคล ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนคอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลทั้งหมด