ยุโรปหวั่น "ยาลดความเจ็บปวด" ใน "เนื้อม้า" ปนเปื้อนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารมนุษย์

ต่างประเทศ
15 ก.พ. 56
03:32
160
Logo Thai PBS
ยุโรปหวั่น "ยาลดความเจ็บปวด" ใน "เนื้อม้า" ปนเปื้อนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารมนุษย์

ตอนนี้หลายประเทศในทวีปยุโรป กำลังกังวลกับปัญหาการปนเปื้อนของเนื้อม้าในผลิตภัณฑ์เนื้อวัว ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าเนื้อม้าที่ปนเปื้อนมียาลดความเจ็บปวดผสมอยู่ด้วย และเป็นไปได้ว่ายาดังกล่าวอาจเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์แล้ว โดยยาลดความเจ็บปวดชนิดนี้หลายประเทศไม่อนุญาตให้มนุษย์รับประทาน

จากการตรวจสอบพบว่าเนื้อม้าที่มียาลดความเจ็บปวดผสมอยู่มาจากม้า 6 ตัวที่ถูกเชือดในโรงฆ่าสัตว์ 2 แห่งทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ซึ่งตำรวจได้เข้าตรวจค้นโรงงานและระงับใบอนุญาตประกอบการแล้ว นอกจากนี้ยังจับผู้ต้องสงสัย 3 คนจากโรงฆ่าสัตว์ทั้ง 2 แห่งไปสอบสวน และมีความเป็นไปได้ว่าเนื้อม้าที่ปนเปื้อนยาลดความเจ็บปวดอาจจะถูกขายออกไปแล้ว ซึ่งจะทำให้ยาดังกล่าวซึ่งเป็นยาต้องห้ามในหลายประเทศเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ในประเทศฝรั่งเศส

ปัญหาการปนเปื้อนของเนื้อม้าในผลิตภัณฑ์เนื้อวัวตอนนี้ลุกลามไปใน 13 ประเทศของทวีปยุโรป ได้แก่ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สวีเดน, เนเธอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม เป็นต้น มีบริษัทที่เกี่ยวข้องมากถึง 28 แห่ง ซึ่งตอนนี้ผลการสอบสวนยังไม่ออกมาจึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าทำไมถึงมีเนื้อม้าปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์เนื้อวัว ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดพลาดหรือตั้งใจทำ

<"">
<"">

 

เพราะจริงๆแล้วเนื้อม้า สามารถรับประทานได้และไม่ได้เป็นโทษต่อร่างกาย หลายประเทศอย่างจีน ,ฝรั่งเศส ,รัสเซีย ,คาซัคสถาน และอิตาลี ก็บริโภคเนื้อม้าอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นอันตรายในกรณีนี้ คือ ยาลดความเจ็บปวด ซึ่งถูกขึ้นบัญชีเป็นยาต้องห้ามในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่คาดว่าปริมาณของยาในเนื้อม้ามีปริมาณน้อยมาก ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย อย่างไรก็ดียาดังกล่าวจะทำให้เกิดภาวะไขกระดูกฝ่อและการผลิตเลือดมีความผิดปกติ

ปัญหานี้กลายเป็นข่าวเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา(ก.พ.) หลังจากบริษัทผู้ผลิตอาหารหลายรายในยุโรปได้นำสินค้าออกจากชั้นวางจำหน่าย หลังผลการตรวจพบว่าผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่ติดฉลากว่าทำมาจากเนื้อวัวอย่างเช่นโบโลน่าเนื้อ, สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ มีเนื้อม้าผสมอยู่ด้วย และอาหารบางอย่างเป็นเนื้อม้า 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนนี้บริษัทบางแห่งออกมาบอกว่าเป็นความผิดพลาดในการติดฉลากสินค้า อย่างไรก็ดีข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต้องรอการสอบสวนต่อไป

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง