จับตา เลือกตั้งนายกสมาคมบาสเกตบอลฯ

การเลือกตั้งนายกสมาคมบาสเกตบอลครั้งนี้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชน เนื่องจากขณะนี้บรรดาสโมสรสมาชิกต่างมีความเห็นขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน ซึ่งหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะการเลือกตั้งอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นได้

ก่อนหน้านี้นายสุรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา เคยได้รับการสนับสนุนจากสโมสรสมาชิกที่ไม่พอใจการบริหารงานของ นายสุเทพ เบญจโภคี อดีตนายกสมาคม แต่เมื่อนายสุรศักดิ์เข้ามาทำงานภายในระยะเวลา 2 ปี พันธมิตรที่เคยอุ้มชูได้แปรเปลี่ยนเป็นฝ่ายตรงข้ามซึ่งรวมถึงกลุ่มของนายคณาพงษ์ คณินวรพันธุ์ อดีตกรรมการบริหาร และ นายนิพนธ์ เชาวลิตมณเฑียร อดีตผู้จัดการทีมช้างไทยแลนด์สแลมเมอร์ ที่ยอมรับว่ามีปัญหากับนายกสมาคมจนต้องถอนตัวจากการทำทีมและกลับไปคุมทีมไฮเทคเหมือนเดิม ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในบรรดาสโมสรสมาชิกเพราะมีบทบาทอย่างชัดเจน แถมยังมีแนวร่วมที่เป็นสโมสรใหญ่ๆในกรุงเทพมหานคร

นอกจากนั้นนายสุรศักดิ์ยังถูกโจมตีจากนายคณาพงษ์เรื่องหนี้สินมหาศาล ซึ่งนำไปสู่การถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดโดยกรมบังคับคดีมาตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2553 โดยนายคณาพงษ์ยืนยันว่า มีเอกสารยืนยันจากกรมบังคับคดีซึ่งระบุว่านายสุรศักดิ์มีหนี้สินกว่า 9,000 ล้านบาท นอกจากนั้นสโมสรสมาชิกบางส่วนยังไม่พอใจที่ถูกบล๊อกเสียงในการเลือกตั้งวันที่ 30 มีนาคมนี้ด้วยแม้ว่านายสุรศักดิ์จะเคยชี้แจงไปแล้วว่าไม่สามารถบล๊อกโหวตได้ก็ตาม

หลายฝ่ายคาดว่าการเลือกตั้งวันที่ 30 มีนาคมจะเป็นไปด้วยความตึงเครียด และอาจจะมีการนำเอกสารหลักฐานออกมาแฉกันในวันนั้นซึ่งอาจจะก่อให้เกิดบรรยากาศที่วุ่นวายได้ สมาคมบาสเกตบอลจึงเป็นสมาคมที่น่าจับตาที่สุดเวลานี้

ในการเปิดตัวทีมงานของนายพิพัฒน์ มีนัยสำคัญเพราะบรรดาอุปนายก และกรรมการ ส่วนใหญ่แปรพรรคจากชุดของนายสุรศักดิ์มาอยู่กับทีมของนายพิพัฒน์ ซึ่งรวมถึง ศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงษ์ลดารมภ์ นายธงชัย วัฒนศักดากุล รวมถึงน้องแว่น สิริลักษณ์ ยนต์โยธินกุล อดีตนักบาสเกตบอลทีมชาติไทย โดยการลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมบาสเกตบอลของนายพิพัฒน์ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายของนายนิพนธ์ เชาวลิตมณเฑียร ซึ่งมั่นใจว่ามีเสียงเกินครึ่งของสโมสรสมาชิก