สถานีโทรทัศน์ "เคอาร์ที" ของเกาหลีเหนือเผยแพร่การเดินขบวนของประชาชนและกองทัพเพื่อต่อต้านสหรัฐฯ รายงานข่าวระบุว่า การเดินขบวนในลักษณะนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ ขณะที่สำนักข่าว"เคซีเอ็นเอ"ซึ่งเป็นของรัฐบาลเกาหลีเหนือเช่นกัน รายงานว่า รัฐบาลได้อนุมัติการโจมตีสหรัฐฯด้วยอาวุธนิวเคลียร์แล้ว
ในส่วนของสหรัฐฯ เตรียมรับมือด้วยการส่งแบตเตอรี่ของระบบต่อต้านขีปนาวุธไปยังเกาะกวม ซึ่งสหรัฐฯมีฐานทัพอยู่ โดยระบบต่อต้านขีปนาวุธชนิดนี้สามารถตรวจจับขีปนาวุธของศัตรู และยิงสกัดได้ นอกจากนี้ ยังมีเรือพิฆาตอีก 2 ลำที่มีระบบอำนวยการรบ "เอจิส" ที่สามารถต่อต้านขีปนาวุธได้เช่นกัน ทั้งนี้ เกาะกวม อยู่ห่างจากเกาหลีเหนือไปทางทิศทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 3,380 กิโลเมตร มีทหารอเมริกันประจำการอยู่บนเกาะดังกล่าว ประมาณ 6,000 คน ด้านสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ขอให้เกาหลีเหนือ ยุติการคุกคามและหันมาปฏิบัติตามกฎระเบียบสากล
โดยนายชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหม บอกว่า เกาหลีเหนือแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า เป็นอันตรายต่อสหรัฐฯและชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
ส่วนคำสั่งห้ามชาวเกาหลีใต้เข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมแกซอง ซึ่งอยู่ในฝั่งของเกาหลีเหนือลึกเข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร วันที่ 4 เมษายนนี้ คำสั่งดังกล่าวยังมีผลต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยเมื่อวานนี้มีชาวเกาหลีใต้เดินทางออกมาเพียง 36 คน จากทั้งหมด 861คน
กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้บอกว่า จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของชาวเกาหลีใต้ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเป็นอันดับแรก และหากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย เกาหลีใต้อาจจะใช้กำลังทางทหาร จีนซึ่งถือเป็นพันธมิตรเพียงหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ขณะที่รัสเซียกังวลว่าสถานการณ์อาจจะลุกลามไปไกลเกินกว่าจะควบคุมได้
ส่วนการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์จากสถาบันสหรัฐฯเกาหลี ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอฟกิ้น บอกว่าภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ากำลังมีการก่อสร้างอยู่ด้านหลังเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งวิเคราะห์ว่ากว่าที่เตาปฏิกรณ์จะเดินเครื่องได้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน และในเวลา 1 ปีจะสามารถผลิตพลูโตเนียมเพื่อใช้ทำอาวุธนิวเคลียร์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น