ไทยยื่นพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารให้ศาลโลก
หลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก มีคำพิพากษาในปี 2505 ให้ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตอธิปไตยกัมพูชา คณะรัฐมนตรีของไทยในขณะนั้นได้มีมติคณะรัฐมนตรีในเดือนกรกฎาคม ปี 2505 กำหนดพื้นที่ใกล้เคียงรอบตัวปราสาทพระวิหาร ซึ่งไทยต้องปรับกำลังออกตามคำสั่งศาล โดยได้กำหนดพื้นที่ให้มีระยะห่าง100 เมตรทางตะวันตกของตัวปราสาท และทางทิศเหนือห่างบันไดขึ้นปราสาทขั้นสุดท้าย 20 เมตร รวมพื้นที่ทั้งหมดที่อยู่ในเขตอธิปไตยกัมพูชาประมาณ 160 ไร่
เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงไทย เปิดเผยว่า พื้นที่ใกล้เคียง หรือวิซีนิตี้ รอบตัวปราสาท ที่เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทำหน้าที่หัวหน้าคณะกฎหมายในคดีตีความคำตัดสินเตรียมยื่นให้ศาลจะเป็นพื้นที่เดียวกันกับที่คณะรัฐมนตรีเคยมีมติในปี 2505 โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบกได้ให้ความเห็นชอบร่วมกันต่อพื้นที่ดังกล่าวก่อนยื่นให้ศาลในวันนี้
มีการคาดการณ์ว่ากัมพูชาจะยึดเอาเส้นเขตแดนตามแผนที่ annex one เป็นเส้นกำหนดพื้นที่ วิซีนิตี้ ของกัมพูชา ซึ่งจะทำให้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่อยู่ในเขตอธิปไตยของไทย ตามเส้นสันปันน้ำที่ไทยยึดเป็นเส้นเขตแดนบนเขาพระวิหาร ตกเป็นของกัมพูชา
การเสนอพื้นที่ใกล้เคียงรอบปราสาทพระวิหารเป็นไปตามคำร้องของนายอาเหม็ด ยูซุฟ ผู้พิพากษาจากโซมาเลีย 1 ใน 15 องค์คณะผู้พิพากษาศาล ที่ต้องการทราบความเห็นของทั้ง 2 ฝ่ายต่อพื้นที่วิซีนิตี้ที่ไทยต้องปรับกำลังออกตามคำสั่งศาลใน ปี 2505 เพื่อใช้ประกอบพิจารณาคำร้องกัมพูชา ผู้พิพากษาคนดังกล่าวเคยมีบทบาทสำคัญสนับสนุนกัมพูชาในการขึ้นทะเบียนมรดกโลก เมื่อปี 2551 ขณะที่ทำงานอยู่ที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก