ประเด็นเชื้อชาติในรายการ
รายการประกวดร้องเพลงที่โด่งดังที่สุดของโลกอาหรับ กลับสร้างประเด็นขัดแย้งทางการเมือง เมื่อในรอบรองชนะเลิศมีตัวแทนจากเคอร์ดิสถานลงแข่ง ซึ่งในสายตาของชาวอาหรับมองว่าชาวเคิร์ดไม่ใช่ชาวอาหรับ ส่วนชาวอิรักก็มองว่าเคอร์ดิสถานยังคงเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศอยู่เช่นกัน
นอกจากเสียงร้องที่ไพเราะแล้ว คุณสมบัติที่ทำให้ พาร์เวส ฮุสเซน นักร้องสาววัย 24 ปีเข้ามาถึงรอบ 27 คนสุดท้ายของ Arab Idol รายการร้องเพลงที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของโลกอาหรับ มาจากการเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวที่เป็นตัวแทนของเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานของอิรัก กลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่มีดินแดนเป็นของตนเอง ซึ่งชาวเคิร์ดกว่า 25 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในอิรัก อิหร่าน ซีเรีย และตุรกี ต่างพร้อมใจกันสนับสนุนเธอในฐานะตัวแทนของชาวเคิร์ดทั่วโลก
พาร์เวส ฮุสเซน เป็นนักศึกษาวิทยาลัยดนตรีในเคอร์ดิสถาน มาร่วมรายการทั้งๆ ที่ไม่สามารถพูดภาษาอาหรับได้ โดยเธอต้องสื่อสารผ่านล่าม ซึ่งการเลือกร้องเพลงทั้งในภาษาอาหรับและเคิร์ด กลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้เธอแซงหน้าผู้สมัครชาวอาหรับอีก 55,000 รายเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ซึ่งในแต่ละสัปดาห์เธอจะแต่งกายในชุดที่บ่งบอกความเป็นชาวเคิร์ดอยู่เสมอ
แต่ประเด็นขัดแย้งทางการเมืองมาเกิดขึ้น เมื่อ อาห์ลาม หนึ่งในกรรมการกล่าวว่าเธอไม่เห็นด้วยที่พาร์เวส ฮุสเซน มาประกวดในฐานะตัวแทนเคอร์ดิสถานแห่งอิรัก เนื่องจากเคอร์ดิสถานคือส่วนหนึ่งของอิรัก เธอจึงควรเป็นตัวแทนของอิรัก แม้นักร้องสาวจะฟังความเห็นดังกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ความเห็นนี้กลับสร้างความขัดแย้งระหว่างชาวเคิร์ดและอาหรับบนโลกออนไลน์ โดยชาวเคิร์ดโจมตีว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติและย้ำว่าชาวเคิร์ดไม่ใช่ชาวอาหรับ ส่วนชาวอาหรับก็โจมตีว่าไม่ควรให้ชาวเคิร์ดมาประกวดเวทีร้องเพลงของอาหรับตั้งแต่แรก
เคอร์ดิสถานได้รับสิทธิปกครองตนเองหลังกองทัพสหรัฐฯเข้ามาล้มล้างการปกครองของนาย ซัดดัม ฮุสเซน ที่เคยกดขี่ชาวเคิร์ดอย่างโหดเหี้ยม โดยนักคิดนักเขียนในโลกอาหรับยอมรับว่าในอดีตชาวเคิร์ดมีส่วนในการพัฒนาอารยธรรมของโลกอาหรับ จึงเห็นว่า พาร์เวส ฮุสเซน ควรได้รับโอกาสร่วมแข่งขันร้องเพลงร่วมกับชาวอาหรับ และมีสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนวัฒนธรรมของชนชาติที่เธอภูมิใจ
