ปคม.แจ้ง 5 ข้อหา
คดีล่อลวงหญิงอายุ 17 ปีไปค้าประเวณีที่ร้านนวดแผนโบราณ ประเทศเกาหลี ล่าสุด เมื่อมีการตรวจสอบข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่ายทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาแล้วกลับพบว่า ข้อมูลขัดแย้งกัน ขณะที่ ตำรวจ ปคม. ได้แจ้งข้อหา อาของหญิงสาวรวม 5 ข้อหา
นางเพียงใจ คิม ซึ่งถูกหลานสาวอายุ 17 ปี กล่าวหาว่า เป็นผู้ที่ล่อลวงให้ไปทำงานค้าประเวณีที่ร้านนวดแผนโบราณ ที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้นำเอกสารหลักฐาน และภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน มาแสดงต่อตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่า ไม่เคยบังคับให้หลานค้าประเวณี และไม่เคยยึดเอกสารการเดินทาง
พร้อมทั้งเปิดเผยว่า หลานสาวเต็มใจและยินยอมเดินทางไปเอง บิดาและมารดาของหลานสาวก็ทราบเรื่อง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่อง เชื่อว่า เป็นเพราะหลานสาวอยากกลับไทย
สำหรับการดำเนินคดีผู้บังคับการ ปคม. ระบุว่า ได้ดำเนินคดี นางเพียงใจ ใน 5 ข้อหา คือ สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กระทำผิดฐานค้ามนุษย์,ร่วมกันเป็นธุระจัดหา,ร่วมกันสนองความใคร่ของผู้อื่น เพื่อการอนาจารบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี, หน่วงเหนี่ยวกักขัง และร่วมกันบังคับขู่เข็ญ ให้เด็กแสวงหาประโยชน์ทางการค้า ส่วนข้อเท็จจริงที่ยังขัดแย้งกันทั้ง 2 ฝ่าย ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาล
สำหรับคดีนี้เป็นข่าวโด่งดัง และเป็นที่น่าสนใจของสังคมตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังพ.ต.ท. ธานินท์ จินดามณี รองผู้กำกับสืบสวน สถานีตำรวจภูธรโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่า ได้ติดต่อประสานงานช่วยเหลือหญิงสาวอายุ 17 ปี คนนี้ ออกมาจากร้านนวดแผนโบราณที่ประเทศเกาหลี
หลังอ้างว่าถูกญาติซึ่งเป็นอาหลอกไปค้าประเวณี จนต้องประสานสถานกงสุลไทยในประเทศเกาหลีใต้ เข้าไปช่วยกลับประเทศ ซึ่งจนถึงขณะนี้คำให้การของนางเพียงใจ ผู้ถูกกล่าวหา ตรงข้ามกับข้อมูลที่เยาวชนหญิงกล่าวอ้าง
สำหรับหญิงสาวอายุ 17 ปี ขณะนี้ยังอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งยังคงต้องสอบปากคำพร้อมสหวิชาชีพอีกครั้ง