สมช.ยันเหตุระเบิดหน้าซ.รามคำแหง 43/1 ไม่เกี่ยวเหตุรุนแรง 3 จว.ใต้

การเมือง
27 พ.ค. 56
07:22
43
Logo Thai PBS
สมช.ยันเหตุระเบิดหน้าซ.รามคำแหง 43/1 ไม่เกี่ยวเหตุรุนแรง 3 จว.ใต้

ตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ การลอบวางระเบิดที่หน้าปากซอยรามคำแหง 43/1 แต่ให้น้ำหนักเรื่องความขัดแย้ง การค้าขาย โดยเฉพาะแผงผู้ค้าย่านนั้น ขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าเป็นระเบิดแบบแสวงเครื่อง น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ซึ่งหวังผลถึงชีวิต

ตำรวจกำลังใช้หลักฐานจากภาพวงจรปิด ขณะเกิดเหตุเป็นข้อมูลวิเคราะห์และตรวจสอบผู้เกี่ยวข้อง ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุระเบิด โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดจากธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยรามคำแหง ซึ่งคาดว่าจะมีรายละเอียดผู้ก่อเหตุ

ขณะที่ตำรวจยังกันพื้นที่จุดเกิดเหตุ ตั้งแต่ปากซอยรามคำแหง 43/1 ถึงแยกลำสาลี เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด และกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เข้าตรวจพื้นที่อีกครั้ง

สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบสาเหตุและติดตามคดี ช่วงเช้าที่ผ่านมา พลตำรวจเอกปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมผ่านระบบ วีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์  กับ พลตำรวจตรีอนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกประเด็น ที่เป็นสาเหตุการระเบิดในครั้งนี้ แต่จนถึงขณะนี้ตำรวจให้น้ำหนัก ถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างผู้ค้าในย่านนั้น แต่ไม่ตัดประเด็นอื่นๆ เช่น ชิ้นส่วนชนิดระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วย อีโอดี รายงานว่าเป็น ชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักไม่เกิน 1 กิโลกรัม ลักษณะการประกอบใช้ ตะปูเป็นสะเก็ดระเบิด และหวังผลถึงชีวิต

สอดคล้องกับผลการแถลงความคืบหน้า ของ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปประเด็นจากชุดสืบสวนสอบสวน ที่สาเหตุยังมุ่งไปที่เรื่องความขัดแย้งการค้าขายในพื้นที่ โดยเฉพาะแผงค้า ประเด็นรองลงมาคือการก่อกวน ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติบอกว่า ได้ข้อมูลมาจากการสอบพยาน ทั้งที่เกิดเหตุและผู้ได้รับบาดเจ็บ และในเวลา 14 .30 น.พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว เรียกประชุมชุดทำงานทั้งหมด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมให้แต่ละหน่วยที่ได้รับมอบหมาย นำความคืบหน้าและเหตุที่เกิดก่อนหน้านี้มาเทียบเคียง

ด้านพลโทภราดร พัฒนภาบุตร เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า กรณีเหตุระเบิดที่ย่านรามคำแหง ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุรายงานว่ามาจากสาเหตุใด แต่เบื้องต้นไม่เชื่อมโยงกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะและวิธีการที่ใช้คนละแบบกัน พร้อมปฏิเสธการจับกุมผู้ก่อเหตุ โดยระบุว่าเป็นเพียงข่าวลือ โดยบอกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการเฝ้าระวังเหตุอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยว

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง