"Electronic Entertainment Expo" เมื่อสังคมล้วงความลับในเกม

Logo Thai PBS
"Electronic Entertainment Expo" เมื่อสังคมล้วงความลับในเกม

มาตราการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นของทางการจนถึงกับเข้าไปสอดแนมข้อมูลส่วนตัวทางโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต สร้างความไม่พอใจให้กับชาวสหรัฐฯ กำลังเป็นเกมที่ผู้พัฒนาหลายรายนำไปใช้สร้างเป็นผลงานเปิดตัวในงาน Electronic Entertainment Expo

สัญญาณไวไฟที่แรงพอช่วยให้ เอเดน เพียร์ซ หนุ่มผู้เปี่ยมความสามารถด้านไอที เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของอาชญากรในเวลาเพียง 4 วินาที นำไปสู่การกวาดล้างธุรกิจค้ามนุษย์ที่ถูกปกปิดมานาน คือเรื่องราวที่อยู่ใน Watch Dogs เกมล่าสุดของค่าย Ubisoft ที่เปิดตัวในงาน Electronic Entertainment Expo เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเนื้อหาการใช้เทคโนโลยีเจาะเข้าไปสู่ข้อมูลส่วนตัวด้วยเหตุด้านการรักษาความปลอดภัย เปิดตัวช่วงเดียวกับการเปิดโปงโปรแกรมสอดแนมข้อมูลทางโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ทชาวสหรัฐฯ หรือปริซึม โดยรัฐบาลด้วยข้ออ้างเพื่อป้องกันการโจมตีจากผู้ก่อการร้าย

โดมินิค เกย์ ผู้บริหารของ Ubisoft รู้สึกแปลกใจที่เกมนี้ออกมาพร้อมกับการเปิดโปงการสอดแนมข้อมูลของทางการสหรัฐฯ เนื่องจากเนื้อหาในเกมพัฒนามาตั้งแต่ 5 ปีก่อน โดยเกม action-adventure ในรูปแบบ open world นี้ เดินเรื่องในเมืองที่อุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดถูกควบคุมโดย CtOS หน่วยงานของรัฐบาลที่รวบรวมข้อมูลของประชาชนเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง โดยผู้เล่นสามารถแฮกข้อมูลของ CtOS ได้ และนำข้อมูลไปใช้ทำอะไรก็ได้ ตั้งแต่ขโมยเงินจากตู้เอทีเอ็ม จนถึงคำนวนโอกาสการเกิดคดีอาชญากรรมซึ่งผู้เล่นสามารถเข้าไปหยุดยั้งอาชญากรได้ ความสามารถในการแทรกแซงการสื่อสารของรัฐ ทำให้ผู้เล่นรอดการจับกุมของทางการได้หลายวิธี ตั้งแต่สั่งให้ที่กั้นถนนขวางรถตำรวจ หรือบังคับให้รถไฟฟ้าจอดกะทันหันระหว่างหลบหนี

ในงาน Electronic Entertainment Expo ปีนี้มีเกมอื่นๆ ที่เนื้อหาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จริง ทั้ง Tom Clancy’s The Division ที่นำแผนรับมือการจู่โจมโดยอาวุธชีวภาพของสหรัฐฯ สมัยรัฐบาลนาย จอร์จ ดับเบิลยู บุช มาดัดแปลงเป็นเนื้อหาการต่อสู้กับการผู้ก่อการร้ายที่แพร่เชื้อไวรัสทำให้สหรัฐฯ ต้องล่มสลายภายใน 5 วัน หรือ Infamous: Second Son ที่ฮีโร่ของเรื่องมุ่งทำลายอุปกรณ์และสายสืบที่ล้วงความลับสาธารณชน ที่ตั้งโดยองค์กรลับของรัฐบาล ซึ่งมีจุดประสงค์ควบคุมการขยายตัวของประชากรซูเปอร์ฮีโร่ โดย ไบรอัน เฟรมมิ่ง ผู้อยู่เบื้องหลัง Infamous: Second Son กล่าวว่า ผู้พัฒนาเกมนี้ต้องการตั้งคำถามต่อมวลชนว่าเพื่อความมั่งคงของชาติแล้ว ผู้คนต้องยอมเสียสละความเป็นส่วนตัวมากแค่ไหน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง