เรียกร้อง
แต่ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา กรณีคลิปเสียงก็กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ซึ่งแม้นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันที่จะตรวจสอบ รวมถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่ม นปช. จะออกมาปฏิเสธความจริง แต่ผู้นำฝ่ายค้าน,ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งในลักษณะห่วงเหตุการณ์บ้านเมืองและกดดัน พล.อ.ยุทธศักดิ์
ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล อดีตนายทหารกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งรู้จักกันว่า เป็นอดีตผู้ฝึกการ์ดพันธมิตรฯ เรียกร้องให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา แสดงความรับผิดชอบต่อคลิปเสียงสนทนาทางการเมือง เพื่อนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ ด้วยการลาออก เพราะเชื่อว่าเสียงในคลิป เป็นเสียงของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ และหากปฏิเสธ ก็ควรสาบานต่อหน้าพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาด้วย
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ขอไม่แสดงความเห็น เนื่องจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้ข้อมูลกรณีคลิปต่างกัน แต่แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ทางการเมือง หากมีการใช้อำนาจรัฐตอบสนองความต้องการของบุคคล ตามบทสนทนาในคลิป ส่วนนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลส่งคลิปเสียงให้สถาบันใดสถาบันหนึ่งตรวจสอบอย่างจริงจัง
และด้วยกรณีคลิปเสียงที่กำลังเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ จึงกลายเป็นข้อสังเกตว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินเข้ามาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยไม่ขัดข้อง พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลมีความจริงใจและมีความตั้งใจในการทำงาน โดยกล่าวย้ำที่จะให้ความสำคัญกับงานด้านความมั่นคง ดังนั้นก็พร้อมที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคลิปเสียงการสนทนาการเมือง จึงร้องขอสื่อมวลชนเปิดพื้นที่ข่าว เพื่อนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนแทน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงผลการตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญว่า คลิปที่ถูกนำเสนอเป็นการตัดต่อ เพื่อหวังผลทางการเมือง และชี้ว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กำลังเร่งสืบสวนหาคนปล่อยคลิป เพื่อดำเนินคดีแล้ว ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส. พรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช. เสนอให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ตรวจสอบ
สำหรับ พล.อ.ยุทธศักดิ์นั้น ตลอดทั้งวันเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องทำงาน ที่กระทรวงกลาโหม เนื่องจากวันนี้ (8 ก.ค.) มีสื่อมวลชนไปรอสัมภาษณ์ ซักถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยช่วงเช้าระหว่าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ต้องเผชิญกับกองทัพสื่อมวลชน มีสีหน้าที่เคร่งเครียด และเป็นที่สังเกตว่า มีนายทหารติดตามหรือหน่วยรักษาความปลอดภัยส่วนตัวมากกว่าปกติ และประกบอย่างใกล้ชิด เสมือนจะปิดโอกาส ไม่ให้สื่อมวลชนรุมล้อมซักถาม