ผู้นำศาสนาและประชาชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บางส่วน เห็นด้วยกับคำแถลงของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ยืนยันจะลดเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงเดือนถือศีลอด หรือ รอมฎอน ขณะที่การแถลงของกลุ่มบีอาร์เอ็น แสดงความจำนงที่จะพยายามยับยั้งการก่อเหตุรุนแรง และจะรับประกันสิทธิ เสรีภาพ ความปลอดภัยของบุคคลที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม
นายอาห์หมัด ซัมซามิน ซึ่งเป็นผู้ประสานงานชาวมาเลเซีย ในการพูดคุยสันติภาพระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ กับกลุ่มบีอาร์เอ็น แถลงข่าวถึงข้อตกลงร่วมของทางการไทยและกลุ่มบีอาร์เอ็น เพื่อลดการก่อเหตุรุนแรงในช่วงเดือนถือศีลอด หรือ รอมฎอน ว่า ทั้งรัฐบาลไทยและกลุ่มบีอาร์เอ็น ตกลงร่วมกันที่จะทำให้เกิดความสันติสุขในช่วงเดือนรอมฎอน โดยทางการไทยจะยังคงเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชนทุกคน รวมทั้งจะไม่ใช้ความก้าวร้าวในการตอบโต้ปัญหาความมั่นคงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนใต้
ขณะที่กลุ่มบีอาร์เอ็น แสดงความจำนงที่จะพยายามยับยั้งการก่อเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการใช้อาวุธโจมตี การก่อเหตุระเบิด การซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ความมั่นคง และประชาชน รวมทั้งพยายามจะยับยั้งการสร้างความเสียหายแก่อาคารและสิ่งปลูกสร้างของทางการ และจะรับประกันสิทธิ เสรีภาพและความปลอดภัยของบุคคลที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เชื่อมั่นว่า เหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะลดลง โดยเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอน เพราะเงื่อนไข สมช.กับกลุ่มบีอาร์เอ็น ตอบรับและตกลงข้อเสนอของแต่ละฝ่ายแล้ว ซึ่งทางการไทยได้ตอบรับและปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง คือ การลดกำลังทหาร ลดการปิดล้อม ตรวจค้นและให้ตำรวจ ตลอดจนอาสาสมัครเข้าไปดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่แทน
ขณะที่ นายนิมุ มะกาเจ ผู้นำศาสนา และประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ บางส่วนเห็นด้วยกับคำแถลงของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่เปิดโอกาสให้ชาวมุสลิมในพื้นที่ ได้ปฎิบัติ ศาสนกิจช่วงเดือนรอมฎอนได้สะดวก ส่วนคำแถลงที่จะเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน แล้วค่อยประเมิน
พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 เผยว่า ทหารยังจำเป็นต้องดูประชาชนช่วงเดือนรอมฎอนอย่างเข้มงวด แต่ไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ปฎิบัติศาสนกิจในพื้นที่ ส่วนการปรับแนวทางการทำงาน หลังพูดคุยสันติภาพครั้งต่อไปขึ้นอยู่กับคำสั่งผู้บังคับบัญชา