ฟ้อง American Idol ข้อหาเลือกปฏิบัติกับคนผิวสี 
ลีลาร้องเพลงสไตล์อาร์แอนด์บี ที่หาตัวจับยากของ เจอร์เมน โจนส์ ทำให้ผู้ประกวดร้องเพลง American Idol เมื่อปีที่แล้ว ถูกโหวตเข้ามาลึกถึงรอบ 12 คนสุดท้าย แต่เจ้าของฉายายักษ์ใหญ่ใจดี กลับไม่มีโอกาสขึ้นแสดงในสัปดาห์ถัดมา เมื่อถูกรายการสั่งปลดกลางอากาศ ด้วยข้อกล่าวหาปกปิดประวัติอาชญากรรมในอดีต ซึ่งภายหลังเจ้าตัวเปิดเผยว่าได้แจ้งประวัติการถูกจับกุมตั้งแต่ลงสมัครประกวดใหม่ๆ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดรายการจึงเลือกนำความผิดในอดีตของเขามาเปิดเผยระหว่างรายการ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่ายว่าเป็นการวางแผนเพิ่มเรตติ้งด้วยการใช้กรณีอื้อฉาวของผู้สมัครผิวสีมาสร้างจุดสนใจ
การส่ง เจอร์เมน โจนส์ กลับบ้านอย่างค้านสายตา เป็นแรงกระตุ้นให้อดีตผู้ประกวด American Idol เชื้อสายแอฟริกัน อเมริกัน 10 คน ที่ถูกปลดจากรายการด้วยเหตุผลคล้ายคลึงกัน กลับมารวมตัวเพื่อยื่นฟ้องเอาผิดต่อสถานีโทรทัศน์ Fox ผู้เผยแพร่ ไนเจล ลิธโก อดีตผู้จัดรายการ รวมถึงบรรดาสปอนเซอร์ของรายการ เป็นค่าเสียหายคนละ 25 ล้านดอลลาร์ จากการสูญเสียโอกาสในวงการเพลงหลังถูกปลดจากรายการด้วยเหตุผลอันมิชอบ
ในเอกสารยื่นฟ้องความยาวถึง 429 หน้า ระบุว่ารายการได้ละเมิดกฎหมายแรงงานของสหรัฐฯ ด้วยการบังคับให้ผู้สมัครทุกคนระบุในใบสมัครว่าเคยมีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ ซึ่งผู้สมัครผิวสีที่เคยมีประวัติการถูกจับกุมจะกลายเป็นเหยื่อของรายการที่นำข้อมูลนั้นมาใช้เป็นเหตุผลในการไล่ผู้สมัครรายนั้นๆ ออกไป เพื่อกระตุ้นเรตติ้งด้วยการย้ำความเชื่อเดิมๆ เรื่องการก่ออาชญากรรมในกลุ่มคนผิวสี ต่างจากประวัติอาชญากรรมของผู้ประกวดผิวขาวที่รายการช่วยสร้างภาพให้เป็นคนที่กลับตัวกลับใจได้ ซึ่งสถิติเผยว่า 12 ฤดูกาลที่ผ่านมา เกือบ 1 ใน 3 ของผู้ประกวดผิวสีเพศชายที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ จะถูกให้ออกจากรายการด้วยเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับการร้องเพลง แต่ผู้ประกวดผิวขาวซึ่งมีจำนวนมากกว่าถึง 3 เท่า กลับไม่เคยถูกให้ออกระหว่างการประกวดเลยซักครั้ง
ใน 12 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกวดผิวสีคว้าชัยบนเวที American Idol ด้วยกัน 4 ราย โดยเฉพาะชัยชนะปีล่าสุดของ แคนดิซ โกลเวอร์ นักร้องสาวจากเซาท์แคโรไลน่า ที่เป็นการยุติเส้นทางความสำเร็จของผู้ประกวดเพศชายผิวขาวที่มาคว้าชัยบนเวทีนี้ถึง 5 ปีติดต่อกัน