"สทอภ."คาดคราบน้ำมันรั่วลอยถึง"เขาแหลมหญ้า-หาดแม่รำพึง"จ.ระยอง เช้านี้

 

ทั้งนี้ภาพถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์ ของกองทัพเรือภาคที่ 1 ที่บินสำรวจคราบน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด ที่รั่วออกจากท่อส่งน้ำมันดิบ ทำให้น้ำมันดิบไหลทะลักออกสู่ทะเลประมาณ 50 - 70 ตัน หรือกว่า 50,000 ลิตร ห่างจากนิคมนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ประมาณ 20 กม.

 

เบื้องต้นพบว่า น้ำมันดิบลอยอยู่บนผิวน้ำจำนวนมาก และเริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้าง มีระยะทางกว่า 1.5 ไมล์ ท่ามกลางกระแสคลื่นและลมแรงจัด นอกจากนี้กองทัพเรือยังได้ส่งเรือรบเข้าช่วยเหลือ ด้วยการวางบูมหรือทุ่น ล้อมบริเวณคราบน้ำมันยาวกว่า 200 เมตร พร้อมกับฉีดพ่นน้ำยาสลายคราบน้ำมัน ไม่ให้กระจายตัวเข้าสู่ชายฝั่ง

 

นายประทีป เอ่งฉ้วน ผู้อำนวยการสำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันดิบได้แล้ว แต่จะต้องสกัดกั้นคราบน้ำมัน ที่กระจายอยู่ในทะเลให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เข้ามายังชายฝั่ง เพราะจะกระทบกับสภาพแวดล้อม และการท่องเที่ยว

 

ขณะที่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด ออกแถลงการณ์ว่า หลังเกิดเหตุทางบริษัทได้ปิดวาล์วทันที เพื่อไม่ให้มีการรั่วไหลเพิ่ม พร้อมประสาน ขอคำแนะนำจากหน่วยงาน ขจัดคราบน้ำมันสากล หรือ Oil Spill Response ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยจะพยายามขจัดและเก็บคราบน้ำมันได้โดยเร็ว

 

สำหรับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบขยายเป็นวงกว้าง หากไม่สามารถขจัดคราบน้ำมันได้ก่อนที่จะถึงฝั่ง ล่าสุดสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า ได้ภาพถ่ายผ่านดาวเทียมบริเวณที่เกิดเหตุ

 

นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ สทอภ. กล่าวว่า ภาพถ่ายหลังจากหลังจากเกิดเหตุประมาณ 12 ชม.แสดงให้เห็นว่าจากจุดที่เกิดการรั่วของท่อน้ำมันคราบน้ำมันwfhลอยออกมาจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กม. และคราบน้ำมันดังกล่าวมีความยาวประมาณ 10 กม.กว้าง 2 กม.ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับเกาะเสม็ด จ.ระยอง

ทั้งนี้ คราบน้ำมันดังกล่าวได้ลอยมุ่งหน้ามาในทิศตะวันออกเฉียงเหนือในอัตราความเร็วคงที่ซึ่งจะเข้าสู่ชายฝั่งบริเวณหาดแม่รำพึงและเขาแหลมหญ้า จ.ระยอง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแนวประการังที่สำคัญดังนั้นจะต้องเร่งป้องกัน ซึ่งคาดว่าจะคราบน้ำมันจะลอยถึงชายฝั่งในเวลาประมาณ 07.00 น.ของวันนี้ (28 ก.ค.) หากยังไม่ได้ทำการป้องกัน

ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ  กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางกองทัพเรืออยู่ระหว่างการจัดการป้องกันคราบน้ำมันดังกล่าว ด้วยการวางบูม หรือ ทุ่นลอย ล้อมรอบบริเวณคราบน้ำมันซึ่งทุ่นดังกล่าวมีความยาวเพียง 200 เมตรซึ่งอาจมีความยาวไม่เพียงพอกับความยาวของคราบน้ำมันที่ยาวกว่าหลายกม.

ทั้งนี้ คาดว่าจะไม่สามารถรับมือได้ทั้งหมดและจะขึ้นถึงชายฝั่งได้และบริเวณดังกล่าวมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วย ซึ่งผู้ประกอบการควรจะระมัดระวังและเตรียมการรับมือ รวมถึงประชาชนควรหยุดการดูดน้ำขึ้นมาใช้ชั่วคราวเนื่องจากอาจมีสารปนเปื้อน รวมทั้งการขจัดคราบน้ำมันก็อาจจะทำไม่ได้ทั้งหมด  ทั้งนี้ ทุ่นลอยและสารเคมีจะช่วยให้คราบน้ำมันละลายสลายตัวออกไปได้ แต่ก็ไม่สามารถขจัดตัวพิษได้