กรมทรัพยากรทางทะเลฯตั้งศูนย์ประเมินผลกระทบจากคราบน้ำมัน
นายนพดล ศรีสุข อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า ศูนย์ติดตามประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งจัดตั้งเพื่อที่จะหาแนวทางฟื้นฟูผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยจะประสานความร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ, กรมควบคุมมลพิษ, นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยของรัฐ และตัวแทนจากบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล โดยวันนี้ ได้ส่งนักวิชาการลงสำรวจตลอดแนวชายฝั่งของ จ.ระยอง และเก็บตัวอย่างน้ำทะเล รวมทั้งสัตว์ทะเลที่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต มาหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
ส่วนการตรวจสอบสารเคมีเจือปนในน้ำทะเล และผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเล คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 1 เดือน และจะติดตามผลระยะยาวกว่า 1 ปี สำหรับความเสียหายของปะการัง หญ้าทะเล โขดหินริมชายฝั่ง รวมทั้งสัตว์หายากในทะเลอยู่ระหว่างการสำรวจของเจ้าหน้าที่เช่นกัน
ทั้งนี้ หมู่เกาะเสม็ดมีพื้นที่แนวปะการังประมาณ 631 ไร่ แต่ความเสียหายทั้งหมดยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากต้องให้เจ้าหน้าที่ทำความสะอาด ขจัดคราบน้ำมันให้เสร็จสิ้นก่อน
นายนพดล กล่าวอีกว่า อุบัติเหตุครั้งนี้มีผลกระทบต่อทรัพยากรทั้งชายฝั่ง และในทะเลแน่นอน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟู และมีความเป็นไปได้ว่าต้องปิดให้ชมปะการังระยะหนึ่ง เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัวเอง ส่วนเม็ดสีดำที่ถูกพัดขึ้นมาบนหาดแม่รำพึงเมื่อวานนี้ อยู่ระหว่างสั่งการให้ตรวจสอบว่าเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์นี้หรือไม่
นอกจากนี้ บริเวณอ่าวช่อ ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออกของเกาะเสม็ด มีข้อมูลพบว่าเป็นพื้นที่วางไข่ของเต่าทะเล และบริเวณอ่าวปะการัง ด้านทิศใต้ของเกาะ เป็นจุดที่มีพะยูนอาศัยอยู่ จะต้องเข้าไปตรวจสอบการอยู่อาศัยของสัตว์ทะเลเหล่านี้ และฤดูกาลหน้า เต่าทะเลอาจไม่ขึ้นวางไข่ หากยังกำจัดคราบน้ำมันไม่หมด