กระแสพระเอกมาดร้าย ในละครทีวีอเมริกัน

Logo Thai PBS
กระแสพระเอกมาดร้าย ในละครทีวีอเมริกัน

พระเอกมาดร้ายจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ตอนนี้ตัวเอกที่หันมาทำเรื่องเลวร้ายและหมิ่นเหม่จริยธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนจะได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในซีรีส์ละครทีวีของอเมริกัน

เมื่อพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดร้ายแรง Walter White อดีตอาจารย์วิชาเคมีได้ผันตัวเป็นพ่อค้ายา เพื่อหาเงินมารักษาและมุ่งมั่นจะทิ้งเงินไว้ให้ครอบครัวก่อนจากไป แต่ยิ่งพัวพันอยู่ในวงการยิ่งต้องโหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการหักหลังเพื่อน หรือวางแผนสังหารกันเอง แม้เข้าสู่ปีที่ 5 แล้วแต่ซีรีส์สุดดัง Breaking Bad ยังคงเป็นขวัญใจมหาชน ที่ล่าสุดได้การคว้ารางวัลละครดราม่ายอดเยี่ยมบนเวทีเอ็มมี อวอร์ดส์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา นี่คือหนึ่งในกระแสความนิยมแอนตี้ฮีโร่ หรือพระเอกมาดร้ายในซีรีส์อเมริกัน เช่นเดียวกับอีกหลายเรื่องอย่าง Dexter, House, Mad Men และอีกมากมาย โดย Donna Bowman จากหนังสือพิมพ์ The AV Club วิเคราะห์ว่าเป็นผลมาจากคดีอาชญากรรมที่รุนแรงมากขึ้นในทุกสังคม เมื่อผู้ชมรู้สึกว่าในชีวิตจริงไม่อาจอยู่ได้อย่างบริสุทธิ์ตรงไปตรงมาได้อีกต่อไป พระเอกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับจริยธรรม จึงเสน่ห์แบบใหม่ที่ภาพลักษณ์พระเอกแสนดียุคเก่าให้ไม่ได้

 
กระแสแอนตี้ฮีโร่เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่ซีรีส์อเมริกันตั้งแต่ความโด่งดังของ The Sopranos ซีรีส์ปี 1999 เล่าเรื่องราวดราม่าในวงการมาเฟียนิวเจอร์ซีย์กับความสัมพันธ์ในครอบครัวของตัวเอก และ The Shield ซีรีส์ปี 2002 ที่แสดงให้เห็นด้านมืดของตำรวจในยามที่ต้องทำงานสกปรกไม่ต่างจากอาชญากร การกระทำที่หมิ่นเหม่ระหว่างความดีความชั่วยังเป็นความท้าทายของผู้กำกับในการโน้มน้าวให้ผู้ชมเชื่อและยังเอาใจช่วยตัวเอก ซึ่งรูปแบบละครทีวีได้เปรียบภาพยนตร์ตรงที่มีพื้นที่ในการเล่าเรื่องมากกว่าหลายเท่า และมีการควบคุมเนื้อหาน้อยกว่า ทำให้ตัวละครลักษณะนี้ปรากฎในซีรีส์ทางโทรทัศน์และได้รับความนิยมจนกลายเป็นกระแส
 
แม้ทำเรื่องขัดกับศีลธรรม แต่หลายครั้งเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์สีเทา และไม่เหลือทางเลือกที่ไม่สูญเสีย ทำให้ตัวละครแนวแอนตี้ฮีโร่มีมิติที่ลึกและชวนเห็นใจเมื่อต้องต่อสู้กับจิตสำนึกฝ่ายดีและความอยู่รอด  ขณะเดียวกันเรื่องราวที่มักจะเหี้ยมโหดและเลวร้ายลงเรื่อยๆ เหมือนทางเลือกให้ผู้ชมตัดสินใจ ว่าหากต้องประสบกับสถานการณ์แบบเดียวกัน ทางเลือกที่ชั่วร้ายกว่าจะนำไปสู่ผลลัพธ์อย่างไร
 
Maureen Ryan นักวิจารณ์สื่อโทรทัศน์จาก Huffington Post เผยว่าบทละครที่ดี ทำให้เรารู้สึกคล้อยตามตัวเอกไม่ว่าเขาจะทำอะไร แต่บทที่ดียิ่งกว่านั้นคือการทำให้ผู้ชมรู้สึกเอาใจช่วยตัวเอก ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้คิดได้ว่าการกระทำแบบนี้ไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างเลยแม้แต่น้อย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง