สะท้อนความคิด "เอกชน-นักวิชาการ" กรณีจีนตกลงซื้อข้าวไทยเพิ่ม

เศรษฐกิจ
14 ต.ค. 56
14:26
176
Logo Thai PBS
สะท้อนความคิด "เอกชน-นักวิชาการ" กรณีจีนตกลงซื้อข้าวไทยเพิ่ม

ในการเดินทางเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีจีน จีนระบุจะรับซื้อข้าวไทยเพิ่ม ทั้งๆ ที่ในหลายปีที่ผ่านมาจีนนำเข้าข้าว และยางพาราจากไทยลดลง ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านเห็นว่ายังคงต้องมีการหารือในรายละเอียดว่าจะมีการซื้อขายจริงจังหรือไม่ ด้านนักวิชาการทีดีอาร์ไอเคยระบุเช่นกันว่า การระบายข้าวของรัฐบาลมักไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้

นายยง สุขสุดประเสริฐ ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ให้เหตุผลว่า กรณีที่ประเทศจีนจะให้ความช่วยเหลือซื้อสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวจะทำบันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยู ซื้อเพิ่มปีละ 1,000,000 ตัน ในระยะเวลา 5 ปี และจะรับซื้อยางพาราอีก 200,000 ตัน ก็เพื่อเห็นกับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไทยและจีนเคยทำเอ็มโอยูในลักษณะนี้ทำมาแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงต้องมาดูรายละเอียดว่า จะมีการซื้อขาย และทำสัญญาจริงเมื่อไหร่ รวมถึงราคาที่จะซื้อขายกัน

ก่อนหน้านี้ ศ.อัมมาร์ สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ระบุว่า การขายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจน ทั้งการขายข้าวให้เอกชนและขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ซึ่งการที่มีข้าวในสต็อกจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลหาทางเร่งระบาย

ที่ผ่านมา จีนกำหนดโค้วต้าการนำเข้าข้าว เฉลี่ยปีละ 5.3 ล้านตัน รวม 32 ล้านตัน จากข้อมูลจากกรมศุลกากรจีน จะเห็นว่า โดยหลักแล้วจีนนำเข้าข้าวจาก 7 ประเทศ ซึ่งในช่วง 3 ปีย้อนหลัง จีนนำเข้าข้าวจากเวียดนามเป็นอันดับ 1 และแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่ไทยอยู่ในลำดับ 3 และเห็นชัดว่าจีนนำเข้าข้าวไทยลดลงในปี 2555 แต่ซื้อข้าวจากเวียดนาม และปากีสถานเพิ่มมากขึ้น

ส่วนการซื้อขายยางพารา นายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการองค์การสวนยาง กล่าวว่า เคยมีการทำเอ็มโอยูซื้อขายยางในปี 2554 ประมาณ 180,000 ตัน แต่ไม่ได้มีการซื้อขายยางกันจริง เนื่องจากมีข้อกำหนดว่าหากทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีการติดต่อซื้อขายกันภายใน 6เดือน ให้ถือเป็นโมฆะ พร้อมเห็นว่าการซื้อขายยางแบบเอ็มโอยู ไม่มีผลช่วยกระตุ้นให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้น แต่หากซื้อขายระยะยาว ระหว่าง 2ประเทศ จะช่วยให้ราคายางมีเสถียรภาพได้ดีขึ้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง