จนท.ยุติการค้นหาผู้รอดชีวิตเหตุเรือล่มกลางทะเลเกาะล้าน

หลังจากชุดประดาน้ำ ไม่พบผู้เสียชีวิตติดอยู่ในซากเรือเกาะล้าน ทราเวล ที่เกิดเหตุจมลงกลางอ่าวพัทยา ทำให้เจ้าหน้าที่ยุติการค้นหาแล้ว ขณะที่ คนขับเรือลำที่เกิดเหตุเข้ามอบตัวแล้ว โดยยอมรับว่า ดื่มสุราและเสพยาบ้าไปจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้บรรทุกผู้โดยสารเกินกำหนดแน่นอน

ตำรวจน้ำ ทหารเรือ และชุดประดาน้ำมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รวมกว่า 20 คน ดำน้ำลงตรวจสอบซากเรือเกาะล้าน ทราเวล ที่เกิดเหตุจมลงกลางอ่าวพัทยา ซึ่งจากการตรวจสอบภายในเรือ ไม่พบผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในเรือ พบเพียงทรัพย์สินจำนวนหนึ่งของผู้โดยสาร จึงเก็บมาตรวจสอบเพิ่มเติม

ส่วนสภาพเรือที่พบ มีรอยแตกที่บริเวณหัวเรือยาว 1 ฟุต กว้าง 2 ฟุต เหนือแนวน้ำ โดยเรือจมอยู่ที่ความลึก 20 เมตร ซึ่งหลังจากไม่พบผู้เสียชีวิตภายในเรือ เจ้าหน้าที่จึงยุติการค้นหาภายในเรือตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ แต่ยังคงกระจายกำลังค้นหาบริเวณโดยรอบ

ขณะที่ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนำตัวนายสมาน ขวัญเมือง ผู้ควบคุมเรือเกาะล้าน ทราเวล ที่เกิดเหตุจมที่เกาะล้าน เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไปทำการสอบสวน หลังจากเดินทางมามอบตัว

โดยนายสมาน ระบุว่า ขับเรือดังกล่าวมานานกว่า 3 ปี ซึ่งก่อนเกิดเหตุได้รับนักท่องเที่ยวจากหาดนวล เพื่อเดินทางมาส่งที่ฝั่งพัทยา แต่หลังจากที่รับผู้โดยสารมาแล้ว ระหว่างทางพบว่า มีน้ำเข้าภายในเรือ โดยที่ไม่ได้ชนหินแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่า จำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 150 คนอย่างแน่นอน เพราะเป็นผู้นับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขึ้นเรือด้วยตัวเอง แต่ยอมรับว่า ก่อนจะมาขับเรือเที่ยวสุดท้ายออกจากเกาะล้านได้ดื่มสุรา และเสพยาบ้าไปจำนวนหนึ่ง

ขณะที่ นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมากับเรือลำดังกล่าว เล่าว่า ขณะกำลังเดินทางได้ยินเสียงดังผิดปกติภายในเรือ จากนั้นจึงมีผู้แจ้งว่าให้นักท่องเที่ยวใส่ชูชีพ ก่อนที่เรือจะจมลง

นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้มีคำสั่งให้งดใช้เรือชั่วคราวของเรือเกาะล้านทราเวล 1 จนกว่าจะผ่านการตรวจสภาพเรือใหม่ และออกคำสั่งยึดประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือของเรือเกาะล้านทราเวล 1 เป็นระยะเวลา 6 เดือน และให้กู้เรือเกาะล้านทราเวลภายใน 30 วัน

สำหรับ นักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตทั้ง 6 คน จะได้รับเงินชดเชยคนละ 100,000 บาท ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 10 คน โดยผู้บาดเจ็บจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 15,000 บาท

ขณะที่ นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า ยอมรับว่า ที่ผ่านมาทางภาครัฐเน้นควบคุมความปลอดภัยไปที่เรือเร็วเป็นหลัก ทั้ง สปีดโบ๊ต เรือลากร่ม และเจ๊ตสกี โดยไม่ได้เข้าไปควบคุมในเรื่องของเรือโดยสารขนาดใหญ่มากนักจึงเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ จะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เด็ดขาดเข้ามาจัดการแก้ไข รวมทั้งให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ เพื่อความปลอดภัยนักท่องเที่ยว