ก.คลังชี้ไม่
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ทีมโฆษกรัฐบาลชี้แจงทำความเข้าใจกับประชนว่า อย่าหลงเชื่อคำยุยงในสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการชำระภาษี เพราะจะต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง ไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสียหายต่อประเทศ ซึ่งหากประชาชนไม่เสียภาษี ก็จะต้องเสียค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายกำหนด และอาจทำให้ประชาชนเสียภาษีสูงขึ้นในภายหลัง
ด้านสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยไม่เห็นด้วยต่อมาตรการหยุดงาน เพื่อเข้าร่วมชุมนุมระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจให้ต้องหยุดชะงัก โดยภาคเอกชนยังไม่มีนโยบายสนุบสนุนมาตรการดังกล่าว
ส่วนนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน แม้เป็นเรื่องสิทธิของแต่ละบุคคล เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประเทศ นอกจากนี้ไม่เห็นด้วยกับการชะลอการชำระภาษี เพราะการชำระภาษีเป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคน หากไม่เสียภาษีจะเป็นการคอร์รัปชั่นประเภทหนึ่งปล่อย
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย กล่าวว่า มาตรการอารยะขัดขืน อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามความผิดป.อาญา มาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้เกิดปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และ ป.อาญา และมาตรา 117 ยุยงหรือจัดให้เกิดการหยุดงาน หรือร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อธุรกิจ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งขณะนี้มีประชาชนแจ้งความดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำการชุมนุมแล้ว ที่ สน.สำราญราษฎร์ และที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งนี้ ผู้ที่ร่วมทำตามคำดังกล่าวก็อาจเข้าข่ายมีความผิดด้วย