จับตามาตรการ
การชุมนุมคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปัตย์ ถนนราชดำเนินวันนี้ (13 พ.ย.) เป็นวันแรกที่แกนนำ ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศใช้มาตรการอารยะขัดขืน โดยมาตราการที่เป็นตัวชี้วัดคือ การประการนัดหยุดงาน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน แต่ขณะนี้พบว่า มีกระแสตอบรับไม่มากนัก สังเกตุได้จากผู้ชุมนุมที่ยังเข้าร่วมน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ชุมนุม
ขณะที่ เมื่อช่วงเช้ามีความเคลื่อนไหวจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟฟ้ามหานคร หรือรฟท. เข้ามามอบเงินบริจาคแสดงจุดยืนสนับสนุนการชุมนุม แต่รฟท.ก็ยอมรับว่าไม่ประกาศหยุดงาน และหากพนักงานจะหยุดงานก็ต้องใช้สิทธิวันลาในการหยุด เพราะเกรงว่ากระทบต่อการให้บริการประชาชน
ส่วนนายวิทยา แก้วภราดัย หนึ่งในแกนนำที่ลาออกจากการเป็นส.ส.ก็บอกว่า จะยังไม่ประเมินสถานการณ์ในขณะนี้ เพราะแนวทางอารยะขัดขืนถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะการนัดหยุดงาน จึงจะต้องประเมินหลังผ่านไปแล้ว 3 วันตามกำหนด เพราะเป็นสิทธิของภาคธุรกิจที่จะร่วมมือหรือไม่ร่วมมือก็ได้ นายวิทยายังอธิบายว่า การทำให้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมออกไปจากสารบบของสภาฯตามเป้าหมาย ยังสามารถทำได้ โดยใช้เสียงส.ส.ของรัฐบาลซึ่งเป็นเสียงข้างมาก แต่ก็ไม่ได้อธิบายวิธีการ หรือข้อบังคับใดว่าสามารถทำได้อย่างไร
ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกการชุมนุม ก็ได้ประเมินว่าแนวทางอารยะขัดขืนถือเป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทย แต่ก็จะขอประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงเย็น โดยยังเชื่อว่าในวันศุกร์นี้จะมีแนวร่วมมากขึ้น และจะสามารถประกาศมาตรการเพิ่ม
เติมได้
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพล ที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยเปิดเผยว่า พื้นที่ที่ประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯดีขึ้น หลังมีคำพิพากษาของศาลโลก ในคดีปราสาทพระวิหาร แต่ก็อ้างว่ายังมีกระแสข่าวผู้ไม่หวังดีจะเข้ามาสร้างสถานการณ์อยู่ และในเดือนธันวาคมนี้ก็จำเป็นต้องใช้พื้นที่ถนนราชดำเนินในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงอยากจะให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ถนนราชดำเนิน