สารคดีต้านกฏหมายห้ามเต้นในญี่ปุ่น

Logo Thai PBS
สารคดีต้านกฏหมายห้ามเต้นในญี่ปุ่น

ไม่น่าเชื่อว่าการเต้นรำธรรมดาๆ จะกลายเป็นเรื่องผิดกฏหมายได้ เมื่อประเทศญี่ปุ่นได้กลับมาเข้มงวดกับกฎห้ามการเต้นรำในสถานที่ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีการเต้นรำอีกครั้ง จนเกิดแรงต่อต้านจากประชาชนในประเทศอย่างต่อเนื่อง

หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นหลายร้อยชีวิตได้มารวมตัวในไนท์คลับเขตชินไซบาชิ ย่านแสงสีของเมืองโอซาก้า เพื่อใช้การเต้นเป็นการต่อต้านกฏหมายควบคุมการเต้นรำในสถานบันเทิง ที่ประเทศญี่ปุ่นบังคับใช้มาถึง 65 ปี กิจกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในสารคดี Save the Club Noon ที่สร้างออกมาเพื่อประท้วงการปิดตัวของ Club Noon ไนท์คลับชื่อดังของโอซาก้า ที่ถูกสั่งปิดไปเมื่อปีก่อนเนื่องจากละเมิดกฎหมายดังกล่าว

กฏหมายควบคุมการเต้นรำประกาศใช้ในแดนปลาดิบตั้งแต่ปี 1948 เนื่องจากยุคนั้นมีการนำกิจกรรมเต้นรำมาบังหน้าการค้าประเวณีตามสถานบันเทิง จึงมีการกำหนดข้อบังคับให้สถานบันเทิงที่มีลานเต้นรำกว้างกว่า 66 ตารางเมตรเท่านั้นจึงจะได้รับใบอนุญาตให้มีกิจกรรมเต้นรำภายในร้านได้ และสามารถเปิดบริการได้ถึงเวลาตีหนึ่งเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมากฎหมายนี้ไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง จนช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้เกิดอาชญากรรม และการค้ายาเสพติดในสถานบันเทิงหลายแห่ง ทำให้เจ้าหน้าที่กลับมาเข้มงวดกับกฏหมายดังกล่าวอีกครั้ง นำไปสู่การสั่งปิดไนท์คลับที่ละเมิดกฎหมายควบคุมการเต้นในหลายเมือง จนสถานบันเทิงหลายแห่งได้ปิดประกาศเตือนนักเที่ยวไม่ให้เต้นรำในร้าน โดยจะมีพนักงานคอยเตือนแขกที่พยายามลุกขึ้นมาเต้นเป็นระยะ

กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมจากหลายฝ่าย โดยศิลปินในวงการเพลงแดนซ์ญี่ปุ่นได้รวมตัวกับนักกฏหมาย เรียกร้องให้สภาของญี่ปุ่นยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัยเช่นนี้ โดยชี้ว่าเป็นกฎหมายที่ทำให้การเติบโตของวงการดนตรีแดนซ์ในญี่ปุ่นต้องหยุดชะงัก ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว และยังเป็นช่องทางการคอรัปชั่น เมื่อพบว่าสถานบันเทิงหลายแห่งยอมติดสินบนเพื่อเลี่ยงการถูกตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

สารคดี Save the Club Noon ซึ่งออกฉายในญี่ปุ่นต้นเดือนธันวาคมนี้ ได้รับทุนสร้างจากการบริจาคเงินโดยผู้ต่อต้านกฎหมายห้ามเต้นเป็นเงินกว่า 4 ล้านเยน ซึ่งผู้กำกับสารคดีเผยว่าต้องการให้ผู้คนเห็นความสำคัญของไนท์คลับในฐานะสถานที่ซึ่งผู้คนใช้เป็นเวทีพบปะ และแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ โดยฮานาเรกูมิหนึ่งในศิลปินที่ต่อต้านกฎหมายดังกล่าวผ่านสารคดีเรื่องนี้ กล่าวว่าการเต้นรำคือการกู่ร้อง สำหรับผู้คนที่ไม่ต้องการใช้คำพูดมาอธิบาย และการควบคุมการเต้นรำจึงไม่ต่างจากการริดรอนสิทธิในการแสดงออกของประชาชนอีกทางหนึ่ง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง