เวทีกลาง 7 องค์กรภาคเอกชน
ภาคเอกชน 7 องค์กร ยืนยันถึงการจัดเวทีกลางรับความความคิดเห็นครั้งแรก ไม่ใช่การสรุปทางออกให้กับประเทศ เพราะไม่สามารถตกผลึกได้ในครั้งเดียว หากแต่ต้องการการยอมรับว่าจะเป็นหนทางหนึ่ง นำไปสู่การยอมรับฟังกันและกัน มากกว่าจะยืนยันว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำถูกหรือผิดตามกฎหมาย ขณะที่ ข้อถกเถียงว่าควรปฎิรูปประเทศก่อนหรือหลังการเลือกตั้งนั้น ไม่สำคัญเท่ากับพรรคการเมืองให้สัญญาประชาคมว่า จะมุ่งสู่การลดความขัดแย้งในอนาคต
แม้ไม่มีข้อสรุปชัดเจนกับทางออกประเทศไทยในเวทีกลาง ที่ภาคเอกชนร่วมกับสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยจัดขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายจากเวทีนี้ เพราะสิ่งที่ต้องการคือการยอมรับว่า เวทีกลางจะเป็นการเสนอทางเลือกมากกว่า การเสนอทางออก
เวลาสัมมนากว่า 1 ชั่วโมง ประเด็นหลักคือมุมมองว่า จะปฎิรูปประเทศก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง และเห็นว่าพรรคการเมืองควรทำสัญญาประชาคม สร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนว่าการดำเนินการหลังจากนี้ไปจะชัดเจนมากขึ้น ว่าจะร่วมกันป้องกันปัญหาความขัดแย้งในอนาคต และหากจำต้องมุ่งสู่เส้นทางการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ เวลาที่เหลือเพียง 50 วัน ควรพิจารณาว่าสามารถแก้กฎระเบียบใด ตามอำนาจของรัฐบาลรักษาการ เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น
ศ.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์สันติวิธียังสะท้อนภาพที่ผู้เข้าร่วมกว่า 100 คนต่างรับฟัง ในช่วงเวลาที่บางส่วนความคิดเห็น เปรียบได้กับการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ซึ่งเป็นหลักสำคัญนำไปสู่การพูดคุยเจรจา และทำให้เห็นช่องว่างในการแก้ปัญหา
ทั้งนี้ ภาคเอกชนยืนยันจะเดินหน้าจัดเวทีกลางต่อไปอย่างน้อย 2- 3ครั้ง ก่อนถึงวันเลือกตั้ง และยินดีมีส่วนร่วมในเวทีอื่นๆ เช่น เวทีของกองทัพไทยวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) และเวทีของรัฐบาลในวันอาทิตย์ที่ 15 รวมทั้งจะเชิญกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.มาพูดคุยหาทางออก