พบข้อมูลว่าคนไทยมีแนวโน้มติดสุราเพิ่มขึ้นและมีอายุเฉลี่ยน้อยลง โดยผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตจากการดื่มสุราอายุน้อยสุดเพียง 9 ขวบ แพทย์แนะนำการเลิกดื่มสุราได้จะต้องเกิดจากแรงจูงใจของตัวผู้ดื่มเอง
พญ.บุญศิริ จันทรศิริมงคล หัวหน้ากลุ่มงานยาเสพติดและสุรา สถาบันจิตเวชศาสตร์ สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต กล่าวในการเสวนาเรื่องเลิกเหล้าง่ายกว่าที่คิด พลิกชีวิตให้ดีกว่า โดยระบุว่า จากการสุ่มสำรวจประชาชนกว่า 17,000 คนในปี 2551 พบว่ามีผู้ป่วยที่ทั้งเสี่ยงและติดสุรามากถึงร้อยละ 10.9 ในจำนวนนี้ร้อยละ 4 ดื่มจนติดสุรา อายุเฉลี่ยลดลงจาก 30-45 ปี เป็น 20-30 ปี ที่สำคัญผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตจากการดื่มสุรา อายุเฉลี่ยลดลงน้อยที่สุดเพียง 9 ขวบ
ด้านข้อมูลจากห้องฉุกเฉินกรมสุขภาพจิตพบว่า ใน 1 เดือนมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอาการทางจิตกว่า 20 คน วิธีการทดสอบเบื้องต้นว่าติดเหล้าหรือไม่ จะมีคำถาม 4 ข้อคือ เคยคิดอยากหยุดดื่มหรือไม่, ดื่มจนคนรอบข้างบอกให้หยุดหรือไม่, ตื่นเช้ามาแล้วอยากดื่มทันทีหรือไม่ และดื่มเหล้าแล้วรู้สึกผิดแต่เลิกดื่มไม่ได้หรือไม่ หากมีคำตอบว่าใช่ทั้ง 4 ข้อ หมายถึงติดสุราขั้นรุนแรง หากใช่ทั้ง 2 ข้อ หมายถึงติดสุราแต่ไม่รุนแรง ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่จะทำให้เลิกดื่มสุราได้ ต้องเกิดจากแรงจูงใจของผู้ดื่มเอง
พญ.บุญศิริ ยังระบุอีกว่า ระยะเวลาในการรักษาให้หายขาดจากโรคพิษสุราเรื้อรัง ถ้าผู้ป่วยมีแรงจูงใจสูงใจ อาจใช้เวลาเพียง 1 ปี แต่หากลังเล อาจใช้เวลา 5-6 ปี หรือล้มเหลวได้ ทั้งนี้ โรคพิษสุราเรื้อรังยังทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ทั้งโรคระบบจิตประสาท โรคหัวใจ โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคเบาหวาน โรคตับแข็ง โรคตับอักเสบ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ และโรคมะเร็ง ส่วนอาการทางจิตเภท จะเกิดอาการหลงผิดและแม้ว่าจะได้รับการรักษาก็อาจไม่เหมือนเดิมได้