ผศ.ธนวรรธน์ ชี้ 1 ปี คสช. กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ฟื้นเต็มที่

การปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อวางรากฐานให้แข็งแกร่งเป็นงานที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความสำคัญตั้งแต่เข้าบริหารประเทศ ขณะที่ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของ คสช. ยังไม่เห็นผลมากนัก เนื่องจากปัญหาการเมืองภายในสะสมและผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก

ผศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในโอกาสครบรอบ 1 ปีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำการรัฐประหารและเข้ามาบริหารประเทศ ว่าในด้านเศรษฐกิจได้ดำเนินใน 2 มิติ คือการสร้างความมั่นคงและสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ที่เห็นชัดในส่วนของการสร้างความมั่นคง คือการจัดระเบียบด้านต่างๆ เช่นการประมง การดูแลแรงงานข้ามชาติ ซึ่งกระทบกับการค้าระหว่างประเทศ และการใช้มาตรา 44 จัดการปัญหาเศรษฐกิจในหลายส่วน เช่น การแก้ปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมถึงการให้ความสำคัญกับการต่อต้านคอร์รัปชั่น แต่สิ่งที่ยังคงไม่เห็นผลคือการกระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากปัญหาการเมืองภายในสะสม และผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก

ส่วนการปฏิรูปเศรษฐกิจนั้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ภายใต้การแต่งตั้งของ คสช. ได้เร่งผลักดันกฎหมายและวางรากฐานของเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ต้องพัฒนาศักยภาพการแข่งขันเพื่อให้ประเทศไทยหลุดจากกลุ่มการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง

แม้เศรษฐกิจจะส่งสัญญาณเริ่มฟื้นตัว แต่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพิ่งจะปรับตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ (2558) เหลือร้อยละ 3-4 สอดคล้องกับสำนักเศรษฐกิจหลายแห่งที่ประเมินว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะโตเพียงร้อยละ 3 จากปัญหาส่งออกไม่ฟื้นและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ