ดีเอสไอแจงยิบรถหรูวัดปากน้ำผิด กม.ข้อไหนบ้าง-เจ้าอาวาสวัดปากน้ำรอดไม่พบกระทำผิด

อาชญากรรม
18 ก.พ. 59
13:17
186
Logo Thai PBS
ดีเอสไอแจงยิบรถหรูวัดปากน้ำผิด กม.ข้อไหนบ้าง-เจ้าอาวาสวัดปากน้ำรอดไม่พบกระทำผิด
ดีเอสไอแจงรายละเอียด กระบวนการนำเข้ารถหรูวัดปากน้ำผิดกฎหมายหลายฉบับ ทั้งกฎหมายรถยนต์ ศุลกากร สรรพสามิต และระเบียบกรมการขนส่งทางบก ทั้งยังพบผู้เข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายอาญาหลายคน แต่ไม่พบว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ในฐานะผู้ครอบครองรถเข้าข่ายกระทำผิด

วันนี้ (18 ก.พ. 2559) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงผลการตรวจสอบกรณีการครอบครองรถจดประกอบของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ โดยระบุว่า ดีเอสไอใช้เวลาตรวจสอบเรื่องนี้กว่า 1 เดือนเต็ม โดยเน้นไปที่กระบวนการนำเข้ารถจดประกอบใน 4 ขั้นตอน คือ 1.ขั้นตอนการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ พบหลักฐานว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งนำเข้าตัวถังและเครื่องยนต์จากสหรัฐฯ แต่อุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย ฝากระโปรง ไฟเลี้ยว เบาะ ประตู กันชนหน้า กันชนท้าย ไม่พบหลักฐานการนำเข้า แต่กลับมีหลักฐานการสั่งซื้อจากบริษัทภายในประเทศ ทว่า เมื่อตรวจสอบกลับไม่พบบริษัทแห่งนี้ในสารบบของสถานประกอบการ

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวต่ออีกว่า รถคันนี้มีพระมหาศาสนมุณี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ เป็นคนสั่งซื้อ และจดประกอบรถในราคา 4 ล้านบาท แต่อู่ที่รับจดประกอบไม่มีใบอนุญาตประกอบอุตสาหกรรม และสินค้าทั้งหมดไม่ได้จ่ายภาษีอย่างครบถ้วน

“ส่วนขั้นตอนการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกนั้น พบการว่ามีการว่าจ้างให้บุคคลปลอมลายมือชื่อพระผู้ใหญ่ เพื่อใช้ในกระบวนการขอโอนและรับโอนรถ นอกจากนี้ ยังพบการปลอมใบเสร็จ ใบกำกับภาษีค่าแรงการประกอบรถ ซึ่งทุกกระบวนการถือว่าเป็นเท็จทั้งสิ้น จึงสรุปได้ว่าที่มาที่ไปของรถนั้นผิดกฎหมายทุกขั้นตอน มีการกระทำเป็นขบวนการ และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายอาญาหลายคน” อธิบดีดีเอสไอ ระบุ

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า รถคันนี้ไม่สามารถจดทะเบียนเป็นรถยนต์ได้ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ปี 2531 และตามระเบียบกรมการขนส่งทางบก และยังมีความผิดตามกฎหมายศุลกากร ปี 2469 มาตรา 27 ในการหลีกเลี่ยงภาษี และกฎหมายสรรพสามิต ปี 2527 มาตรา 165 ในการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ

“คดีนี้ยังไม่พบว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ในฐานะผู้ครอบครองรถนั้นเข้าข่ายกระทำความผิด เนื่องจากว่ายังอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบที่มาของรถเท่านั้น แต่อาจต้องประสานให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ช่วยชี้แจงในเจตนาการครอบครองรถคันดังกล่าว หลังกระบวนการสืบสวนนี้แล้วเสร็จ” พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง