วันนี้ (23 มี.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์คดีโครงการรับจำนข้าว เป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งรับผิดชอบด้านการกู้เงินและบริหารหนี้สาธารณะ ในช่วงของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยพยานฝ่ายโจทก์ชี้ว่าตามหลักเกณฑ์หนี้สาธารณะ คือเงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน โดยตัวเลขหนี้คงค้างจากโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2557 คือ 401,756 ล้านบาท แต่ไม่นับรวมหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 90,000 ล้านบาท ที่นำมาใช้ในโครงการ เพราะเป็นงบประมาณของ ธ.ก.ส.เอง ไม่ใช่เงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน
ขณะนั้นรัฐบาลจะขอกู้เงินเพิ่มเติม จำนวน 270,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการ แตไม่สามารถให้กู้เงินได้ เพราะรัฐบาลได้ยุบสภาไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.2556 และตามกฎหมายแล้ว เมื่อรัฐบาลยุบสภา ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพัน หรือกู้เงินได้อีก
ขณะที่ทนายจำเลยชี้ว่าแม้รัฐบาลต้องรับภาระเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายต่างๆจากโครงการรับจำนำข้าว ที่ต้องนำเงินงบประมาณแผ่นดินหรือเงินภาษีอากรมาใช้ แต่การดำเนินการลักษณะเช่นนี้ก็เหมือนกับโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตรของรัฐบาลอื่นๆ ซึ่งทำให้วงจรทางเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น และสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ารับฟังการสืบพยานด้วย โดยงดให้สัมภาษณ์คดีจำนำข้าวตามข้อตกลงกับศาล ซึ่งนอกจากจะมีกลุ่มผู้สนับสนุนเดินทางมาให้กำลังใจแล้ว ยังกลับมีกลุ่มบุคคลที่มาชูป้ายข้อความกล่าวหาโครงการรับจำนำข้าวด้วย ส่งผลให้การรักษาความปลอดภัยของตำรวจเป็นไปอย่างเข้มงวดและรัดกุมมากขึ้น ด้วยหวั่นเกรงจะเกิดเหตุวุ่นวาย
ทั้งนี้ ศาลฯ กำหนดนัดหมายสืบพยานฝ่ายโจทก์นัดต่อไป ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ จำนวน 2 ปาก ประกอบด้วย พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี อดีต ส.ว.สรรหา และนายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน