พบประวัติแท็กซี่ โกงค่าโดยสาร-ทำร้ายชาวตุรกี ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง -ขนส่งเสนอยึดใบขับขี่

อาชญากรรม
24 พ.ค. 59
20:38
243
Logo Thai PBS
พบประวัติแท็กซี่ โกงค่าโดยสาร-ทำร้ายชาวตุรกี ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง -ขนส่งเสนอยึดใบขับขี่
ตร.ทำแผนประกอบคำรับสารภาพแท็กซี่โกงค่าโดยสารพยายามชิงทรัพย์ และทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชาวตุรกี ตรวจสอบประวัติพบก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง

วันนี้ (24 พ.ค.2559) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นำตัวนายวัชระ ทาน้อย ผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะ ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวสาวชาวตุรกี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณปั๊มแก๊สแห่งนี้ในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จุดเกิดเหตุทะเลาะวิวาท ระหว่างนายวัชระ และ น.ส.เนสริน อูการ์ นักท่องเที่ยวชาวตุรกี ก่อนที่นายวัชระ จะแย่งกระเป๋า น.ส.เนสริน แล้วหลบหนี โดยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนายวัชระ ยอมรับว่าได้รับ น.ส.เนสริน มาจากสนามบินดอนเมือง ในราคาเหมา 2,000 บาท และระหว่างทางขอแวะเติมแก๊สล่วงหน้า 500 บาท แต่ น.ส.เนสริน เห็นว่าเติมไปเพียง 200 กว่าบาท จึงไม่พอใจ ทำให้ตนเองคิดราคาค่าโดยสารใหม่กว่า 10,000 บาท จากนั้นผู้โดยสารขอให้พาไปสถานีตำรวจเพื่อตกลงค่าใช้จ่าย จึงเกิดการทะเลาะกัน และได้ยื้อแย่งกระเป๋าจนทำให้ น.ส.เนสริน ได้รับบาดเจ็บ

ด้าน น.ส.เนสริน บอกว่า หลังจากที่เกิดเหตุได้แจ้งตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งได้ดูแลตามจับผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขอขอบคุณประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดย น.ส.เนสริน เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ ลงที่สนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศกัมพูชา ผ่าน จ.สระแก้ว

ตำรวจระบุว่า นายวัชระได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้ มาถึง 3 ครั้ง ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายเป็นแอร์โฮสเตสสาวไทย สายการบินต่างประเทศแห่งหนึ่ง ได้เรียกแท็กซี่ไปลงสถานกงสุล แจ้งวัฒนะ แต่นายวัชระ แจ้งกลับว่าไม่มีมิเตอร์ และคิดเหมาค่าโดยสาร 2,000 บาท จึงแจ้งตำรวจท่องเที่ยวและสามารถจับกุมตัวได้ ระหว่างนายวัชระ ขับแท็กซี่มาหาผู้โดยสารในสนามบินดอนเมืองอีก โดยนายวัชระ ถูกปรับเป็นเงิน 2,000 บาท และถูกส่งตัวดำเนินคดีต่อที่สถานีตำรวจนครบาลอุดมสุข ในข้อหายักยอกทรัพย์

ขณะที่การดำเนินการเอาผิด กรมการขนส่งทางบกตรวจสอบพบว่า ทะเบียนรถแท็กซี่ ทศ 3861 เป็นของสหกรณ์แท็กซี่อาสาสมัครจำกัด สิ้นอายุภาษี 30 เมษายน 2560 ขณะที่ใบอนุญาตขับรถสาธารณะของนายวัชระ จะสิ้นอายุ 4 สิงหาคม 2560 โดยตรวจสอบแล้วมีประวัติการกระทำผิดและโดนโทษปรับ แต่สำหรับการดำเนินการครั้งนี้ พนักงานสอบสวนสามารถยึดใบอนุญาตขับรถ จนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด หากจำเลยผิดจริง นายทะเบียนจะเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง