ราชทัณฑ์แจงผู้ต้องขังเรือนจำสงขลาเสียชีวิตจากไขมันอุดตันหลอดเลือดในปอด

อาชญากรรม
22 ก.ค. 59
22:41
269
Logo Thai PBS
ราชทัณฑ์แจงผู้ต้องขังเรือนจำสงขลาเสียชีวิตจากไขมันอุดตันหลอดเลือดในปอด
กรมราชทัณฑ์แจงผู้ต้องขังที่ย้ายมาเรือนจำกลางสงขลา หลังเหตุจลาจลในเรือนจำกลางปัตตานี เสียชีวิตจากไขมันอุดตันหลอดเลือดในปอด ขณะที่ญาติไม่ติดใจสงสัยในสาเหตุของการเสียชีวิต

วันนี้ (21 ก.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ออกหนังสือชี้แจง "แถลงข้อเท็จจริง กรณีผู้ต้องขังเสียชีวิตภายในเรือนจำกลางสงขลา" ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 เวลาประมาณ 16.15 น. ผู้ต้องต้องขังเรือนจำกลางปัตตานีก่อเหตุจลาจล มีการเผาทำลายอาคารสถานที่ภายในเรือนจำ โดยเจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังเข้าระงับเหตุ และเมื่อเหตุการณ์ยุติลง จากการตรวจสอบพบศพผู้ต้องขังที่ถูกกลุ่มผู้ต้องขังที่ก่อเหตุจลาจลทำร้ายและเผาอยู่บริเวณกลางสนาม 1 คน บริเวณอาคารที่ทำการฝ่ายควบคุม 1 คน และถูกเหล็กแหลมแทงเสียชีวิต 1 คน รวมเป็น 3 คน ส่วนเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย

จากเหตุการณ์ดังกล่าว เรือนจำกลางปัตตานีได้ดำเนินการสืบสวน สอบสวน และทำการย้ายผู้ต้องขังที่เชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุ ไปยังเรือนจำกลางสงขลา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา และเรือนจำอำเภอนาทวี เพื่อความเรียบร้อยในการดำเนินงานของเรือนจำ ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางสงขลาว่า ผู้ต้องขังที่ย้ายมาจากเรือนจำกลางปัตตานีเสียชีวิตที่สถานพยาบาลภายในเรือนจำฯ 1 คน คือ น.ช.อัชวีรา ดอเลาะ จากผลการชันสูตรศพ พบว่าสาเหตุเนื่องมาจากไขมันอุดตันหลอดเลือดในปอด อันเป็นอาการแทรกซ้อนจากกระดูกขาขวาหัก

ทั้งนี้ จากข้อเท็จจริงพบว่า เรือนจำกลางสงขลา ได้มีการตรวจร่างกายผู้ต้องขังดังกล่าวในเบื้องต้นขณะที่รับย้ายมาจากเรือนจำกลางปัตตานี ซึ่งตรวจพบว่า น.ช.อัชวีรา มีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกาย ซึ่งเกิดจากการจลาจล แต่ไม่พบบาดแผลที่มีเลือดออกจนเป็นเหตุให้ต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาลภายนอก จึงให้รักษาตัวภายในสถานพยาบาลภายในเรือนจำ โดยมีพยาบาลคอยเฝ้าสังเกตอาการ

และในวันที่ 20 กรกฎาคม 2559 เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่พยาบาลจึงตรวจพบว่าเสียชีวิต โดยได้มีการชันสูตรพลิกศพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าสาเหตุการตายเนื่องมาจากไขมันอุดตันหลอดเลือดในปอด อันเป็นอาการแทรกซ้อนจากกระดูกขาขวาหัก และได้แจ้งให้ญาติของ น.ช.อัชวีรา ทราบ และพ่อแม่ของ น.ช.อัชวีราได้มาติดต่อขอรับศพ และไม่ติดใจสงสัยในการเสียชีวิตดังกล่าว โดยได้รับศพไปประกอบพิธีตามหลักศาสนา และมีกรรมการมัสยิดดารุนนาอึม (32) อ.เมือง จ.สงขลา มาเป็นสักขีพยานเรียบร้อยแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง