“Snowden” เกือบไม่ได้ฉาย เหตุสตูดิโอยักษ์ใหญ่กลัวอิทธิพลทางการสหรัฐฯ

Logo Thai PBS
“Snowden” เกือบไม่ได้ฉาย เหตุสตูดิโอยักษ์ใหญ่กลัวอิทธิพลทางการสหรัฐฯ
ชื่อ Edward Snowden เคยช็อคโลก เมื่อออกมาเปิดโปงความลับของหน่วยงานความมั่นคง สหรัฐฯ ทำให้ผู้คนตระหนักถึงการโดนละเมิดข้อมูลส่วนตัว จนถูกตามล่าข้ามประเทศ ส่งผลให้หนังที่สร้างจากชีวิตจริงเกือบไม่ได้ฉายเพราะสตูดิโอใหญ่ไม่ขอยุ่ง ด้วยเกรงอำนาจมืดของรัฐบาลสหรัฐฯ

วันนี้ (25 ก.ค. 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งที่ภาพยนตร์เรื่อง Snowden เป็นหนังจากชีวิตจริงของคนดังที่ยังอยู่ในความสนใจของผู้คน แถมยังพูดถึงเรื่องความกล้าหาญในการตั้งคำถามต่อสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลขององค์กรรัฐทรงอิทธิพล แต่ดูเหมือนว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือความหวาดกลัวของสตูดิโอค่ายใหญ่

เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก Oliver Stone ผู้กำกับในงาน Comic-Con International ว่าสตูดิโอใหญ่ๆ ทุกแห่ง ปฏิเสธจะรับหนังเรื่องนี้ไปจัดจำหน่าย เนื่องจากกลัวว่าจะมีปัญหากับภาครัฐ เพราะ Edward Snowden คือชายที่ทางการอเมริกาต้องการตัวมากที่สุด จากการไปเปิดโปงความลับเรื่องฐานข้อมูลของรัฐ ที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน

ผู้กำกับรุ่นใหญ่วัย 69 ปี เล่าว่า แม้เขาจะมีบทหนัง มีทุนสร้างและนักแสดงพร้อมหมด แต่ผู้บริหารสตูดิโอก็ยังไม่อยากร่วมงานด้วย ซึ่งเขายืนยันว่าไม่น่าจะมีอิทธิพลมืดใดๆ อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจ นอกเสียจากความหวาดกลัวจนเลือกเซ็นเซอร์ตัวเองเสียมากกว่า

สุดท้ายเรื่อง Snowden จึงมาลงเอยกับค่ายหนังอิสระอย่าง Open Road ที่เคยจัดจำหน่ายหนังให้ Spotlight ภาพยนตร์ออสการ์ในปีที่แล้วแทน

Snowden เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติของ Edward Snowden ที่รับบทโดย Joseph Gordon-Levitt หลังจากสารคดี Citizenfour ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งในด้านรายได้ รางวัล และการกระตุ้นให้สังคมตั้งคำถามถึงวิธีการที่องค์กรต่างๆ อ้างเรื่องการรักษาความปลอดภัยเพื่อแอบดูข้อมูลส่วนตัวของคนทั่วไป

โดยในงานเปิดตัวหนังที่ Comic-Con International ทีมผู้สร้างและนักแสดงยังชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการล้วงข้อมูลเหล่านี้โดยที่เราไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะด้วยน้ำมือรัฐหรือเอกชน เช่น ด้านมืดของเกม Pokemon Go ที่กำลังได้รับความนิยมกันในขณะนี้ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลของประชาชนได้ทั้งประวัติส่วนตัว สถานที่ สังคมเพื่อน ไปจนถึงรสนิยมต่างๆ ซึ่งเบื้องหลังข้อมูลเหล่านี้อาจจะถูกนำไปใช่งานหรือขายต่อโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมก็เป็นได้

ด้าน Joseph Gordon-Levitt บอกว่า เรื่องสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเราต้องการความเป็นส่วนตัวหรือไม่ แต่อยู่ที่พฤติกรรมมือถือสากปากถือศีลขององค์กรต่างๆ ที่เก็บข้อมูลไปแบบไม่โปร่งใส ทั้งยังพยายามจะปกปิดวิธีการเหล่านี้ไม่ให้สาธารณชนรับรู้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง