ด่วน! ระเบิดสนั่นกลางหัวหิน 2 ลูก กลางดึก เจ็บ 23 ราย สาหัส 4 ราย ดับ 1 ราย

วันนี้ (11 ส.ค.) เวลา 22.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกฟ้าผ่า และในซอยบิณฑบาตร เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถนนดังกล่าวเป็นถนนที่ผ่านจากสี่แยกหัวกินไปตามถนนทางเข้าโรงแรมเซ้นทรัลหัวหิน เลี้ยวซ้ายไปทางหน้าโรงแรมเมอร์เลีย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวบาร์เบียร์ เสียงดังสนั่น เบื้องต้น มีผู้บาดเจ็บจำนวน 23 ราย อาการสาหัส 4 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยนำส่ง ร.พ.หัวหิน ร.พ.ซานเปาโล และ ร.พ.กรุงเทพหัวหิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้น ออกห่างจากพื้นที่ 200 เมตร เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน โดยเจ้าหน้าตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ จากนั้นได้เรียกประชุมนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาทุกสถานีตำรวจ และชุดสืบสวน ปราบปราม เข้าประชุมด่วนที่ห้องประชุม สภ.หัวหิน ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระเบิดเกิดขึ้น 2 ครั้งคือ ครั้งที่ 1 เวลาประมาณ 22.15 น. ที่หน้าบาร์เบียรชื่อจอนนี่ 56 หลังโรงเรียนเทศบาลหัวหิน ครั้งที่ 2 เวลาประมาณ 23.10 น. ที่แยกถนนเสละคราม หน้าร้านบาร์เบียชื่อ Raintree สถานที่เกิดเหตุทั้งสองแห่งตั้งอยู่บนถ.เสละคราม ต.หัวหิน อ.หัวหิน จุดที่เกิดเหตุทั้ง 2 แห่ง ห่างกันประมาณ 50 เมตร ระยะเวลาเกิดเหตุห่างกันประมาณ 30 นาที ซึ่งสถานที่เกิดเหตุอยู่ใกล้วัดหัวหิน และ สภ.หัวหิน สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ ครั้งที่ 1 จำนวน 3 คน ครั้งที่ 2 จำนวน 8 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นหญิง

ขณะที่ พล.ต.ดนัย กฤตเมธาวี ผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบ ระบุว่า ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์เหตุวางระเบิดที่หัวหินไว้ได้แล้ว โดยตัวเลขล่าสุดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 23 รายนำส่งโรงพยาบาล ทั้งหมด และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นแม่ค้าคนไทย ซึ่งประกอบอาหารอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์และเข้ารักษาความปลอดภัยบริเวณวัดหัวหินและวังไกลกังวล ไว้ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ควบคุมสถานการณ์ได้แล้วอยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถืออยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุที่ชัดเจน พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบภาพวงจรปิด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณภาพจากมูลนิธิฯ